เกมส์

เกมส์

แนะนำร้านขายรีโมท

รายนามอธิบดีกรมตำรวจและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทย

รายนามอธิบดีกรมตำรวจและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทย

กองโปลิศ / กรมกองตระเวณ
(พ.ศ. 2403 - พ.ศ. 2458)
ลำดับ รายนาม เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ หมายเหตุ
1 หลวงรัถยาภิบาลบัญชา
(กัปตัน เอส.เย.เอมส์) พ.ศ. 2403 พ.ศ. 2435
2 พระยาอรรคราชวราทร
(ภัสดา บุรณศิริ) พ.ศ. 2435 พ.ศ. 2440
3 นายเอ.เย.ยาดิน พ.ศ. 2440 พ.ศ. 2447
4 มหาอำมาตย์โท อีริกเซ็นต์ เย ลอสัน พ.ศ. 2447 พ.ศ. 2456
5 พลตรี พระยาวาสุเทพ พ.ศ. 2456 พ.ศ. 2458
กรมตำรวจ
(พ.ศ. 2458 - พ.ศ. 2541)
ลำดับ รายนาม เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ หมายเหตุ
6 พลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ พ.ศ. 2458 พ.ศ. 2472
7 พลตำรวจโท พระยาอธิกรณ์ประกาศ
(หลุย จาติกวณิช) พ.ศ. 2472 พ.ศ. 2475
8 พันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ
(รวย พรหโมบล) พ.ศ. 2475 พ.ศ. 2476
9 พันตำรวจเอก พระยาอนุสสรธุระการ
(จ่าง วัจนะพุกกะ) พ.ศ. 2476 พ.ศ. 2479
10 พลตำรวจเอก หลวงอดุลเดชจรัส
(อดุล อดุลเดชจรัส) พ.ศ. 2479 พ.ศ. 2488
11 พลตำรวจโท พระรามอินทรา
(ดวง จุลัยยานนท์) พ.ศ. 2488 พ.ศ. 2489
12 พลตำรวจตรี พระพิจารณ์พลกิจ
(ยู่เซ็ก ดุละลัมพะ) พ.ศ. 2489 พ.ศ. 2490
13 พลตำรวจเอก หลวงชาติตระการโกศล
(เจียม ลิมปิชาติ) พ.ศ. 2490 พ.ศ. 2494
14 พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2500
15 พลตำรวจเอกไสว ไสวแสนยากร พ.ศ. 2500 พ.ศ. 2502
16 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ พ.ศ. 2502 พ.ศ. 2506
17 พลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์ พ.ศ. 2506 พ.ศ. 2515
18 จอมพลประภาส จารุเสถียร พ.ศ. 2515 พ.ศ. 2516
19 พลตำรวจเอกประจวบ สุนทรางกูร พ.ศ. 2516 พ.ศ. 2517
20 พลตำรวจเอกพจน์ เภกะนันทน์ พ.ศ. 2517 พ.ศ. 2518
21 พลตำรวจเอกศรีสุข มหินทรเทพ พ.ศ. 2518 พ.ศ. 2518
22 พลตำรวจเอกมนต์ชัย พันธุ์คงชื่น พ.ศ. 2519 พ.ศ. 2524
23 พลตำรวจเอกสุรพล จุลละพราหมณ์ พ.ศ. 2524 พ.ศ. 2525
24 พลตำรวจเอกณรงค์ มหานนท์ พ.ศ. 2525 พ.ศ. 2530
25 พลตำรวจเอกเภา สารสิน พ.ศ. 2530 พ.ศ. 2532
26 พลตำรวจเอกแสวง ธีระสวัสดิ์ พ.ศ. 2532 พ.ศ. 2534
27 พลตำรวจเอกสวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ พ.ศ. 2534 พ.ศ. 2536
28 พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ พ.ศ. 2536 พ.ศ. 2537
29 พลตำรวจเอกพจน์ บุณยะจินดา พ.ศ. 2537 พ.ศ. 2539
30 พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก พ.ศ. 2539 16 ตุลาคม พ.ศ. 2541
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พ.ศ. 2541 - ปัจจุบัน)
ลำดับ รายนาม เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ หมายเหตุ
- พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก 16 ตุลาคม พ.ศ. 2541 30 กันยายน พ.ศ. 2543
31 พลตำรวจเอกพรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2543 30 กันยายน พ.ศ. 2544
32 พลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544 30 กันยายน พ.ศ. 2547 ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
(จนเกษียณอายุราชการเมื่อ พ.ศ. 2547)
33 พลตำรวจเอกสุนทร ซ้ายขวัญ พ.ศ. 2547 30 กันยายน พ.ศ. 2547 รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
34 พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 22 เมษายน พ.ศ. 2550 ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
(5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 - 22 เมษายน พ.ศ. 2550)
35 พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 9 เมษายน พ.ศ. 2551 ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
(29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 - 9 เมษายน พ.ศ. 2551)
36 พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
(28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 - ปัจจุบัน)
37 พลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551 รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
(28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 - 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551)
38 พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ลาพักร้อน
(4 สิงหาคม พ.ศ. 2552 - ปัจจุบัน)
39 พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปัจจุบัน รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
(4 สิงหาคม พ.ศ. 2552 - ปัจจุบัน)

ตัวอย่างงาน ในฝัน

1. Wine shop assistant ( Phuket )
- Handle daily work by following the shop system work process.
- Manage all shop display merchadisi
อัตรา 2
เงินเดือน 10,000 -13,000
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน Wine Connection Co., Ltd.
จังหวัด ภูเก็ต
วันที่ 26 ก.ค. 2552



2. พนักงานแนะนำผลิตภัณฑ์ ( AE )
ดูแล และบริหารงานขาย
อัตรา 2
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท ดี.เอช.เอ. สยามวาลา จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
บางรัก
วันที่ 23 มิ.ย. 2552



3. ผู้จัดการขาย (Sales Manager) Aesthetic
ไม่ระบุ
อัตรา 1
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท วีนัสเทคโนโลยี่ จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ลาดพร้าว ห้วยขวาง วังทองหลาง
วันที่ 23 มิ.ย. 2552



4. ตัวแทนขาย (Sales Representative) Aesthetic
ไม่ระบุ
อัตรา 3
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท วีนัสเทคโนโลยี่ จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ลาดพร้าว ห้วยขวาง วังทองหลาง
วันที่ 22 มิ.ย. 2552


5. Admin Staff
- Contact between internal and external parties related to company business.
- Perform Acco
อัตรา 3
เงินเดือน Negotiable
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท เอสพีโอซี จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
คลองเตย วัฒนา
วันที่ 28 ก.ค. 2551


6. Account Executive (AE)
ติดต่อลูกค้า ดูแลลูกค้าเก่าและหาลูกค้าใหม่ เพื่อลงโฆษณา เพิ่มสมาชิก
อัตรา ไม่จำกัด
เงินเดือน ตามโครงสร้างบริษัท
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท เอพี รีเสิร์ช แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์
วันที่ 25 ก.ค. 2551


7. AE- ประสานงาน
ทำงานตั้งแต่วันจันทร์-เสาร์ 8.45-17.45 น.
ประสานงานภายในกับแผนกต่างๆ
ติดต่อลูกค้า คีย์ข้อมูลจ
อัตรา 1
เงินเดือน ตามตกลง
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท พอยท์ ซีนิธ เพลท พริ้นติ้ง จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
จอมทอง บางขุนเทียน บางบอน
วันที่ 21 ก.ค. 2551


8. พนักงานขาย
เคยทำงานด้านงานขายมาก่อน และสามารถทำงานได้โดยลำพัง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ รักงานขาย
อัตรา 2-3
เงินเดือน 12000-15000
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน AEU Intertrade Co., Ltd.
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ภาษีเจริญ หนองแขม บางแค
วันที่ 21 ก.ค. 2551


9. Advanced Engineer
ไม่ระบุ
อัตรา 1
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน สถาบันไทย-เยอรมัน
จังหวัด ชลบุรี
วันที่ 26 พ.ค. 2552


10. AE (Account Executive)
ไม่ระบุ
อัตรา 1
เงินเดือน ตามความสามารถ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน Power Plus Marketing Service Co.,Ltd
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
วันที่ 30 มี.ค. 2552


11. เจ้าหน้าที่เขียนแบบคอมพิวเตอร์
ไม่ระบุ
อัตรา ไม่ระบุ
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท ที.เค.ดี. ไฟเบอร์ จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ลาดกระบัง
วันที่ 20 มี.ค. 2552


12. พนักงานขายเครื่องเชื่อม ลวดเชื่อม
ไม่ระบุ
อัตรา 4
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท แหลมทองซินดิเคท จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
บางกะปิ บึงกุ่ม สะพานสูง
วันที่ 12 มี.ค. 2552


13. Account Executives (AE) ขายโฆษณา Magazine
รับผิดชอบด้านการหาลูกค้า และขายโฆษณานิตยสาร ด้าน Beauty และ Healhty
อัตรา ไม่ระบุ
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท มารีน ซัพพลาย แอนด์ บิวตี้ จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ปทุมวัน
วันที่ 11 มี.ค. 2552


14. เจ้าหน้าที่ประสานงานฝ่ายผลิต (AE)
ไม่ระบุ
อัตรา ไม่ระบุ
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท สยาม ที.เอ็ม. จำกัด
จังหวัด สมุทรปราการ
วันที่ 28 ก.พ. 2552


15. Brand Manager/Product Manager
ไม่ระบุ
อัตรา 2
เงินเดือน ไม่ระบุ
สมัครงาน รายละเอียด เก็บงาน บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด
จังหวัด กรุงเทพมหานคร
บางกะปิ บึงกุ่ม สะพานสูง
วันที่ 27 ก.พ. 2552

My Dream Miracal ตอนที่ 5 ถ้ำเคตัส

บันทึกที่ 5 ถ้ำเคตัส

หลังจากที่เราหนีขึ้นต้นไม้ได้แล้ว ฉันคิดว่าเราจะรอด แต่…..

“ ไม่นะ !! ” ฉันตะโดนดังลั่น ไซม็อนตกลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยตัวเคตัสที่ยืนรออยู่ พวกมันจับตัวไซม็อนไปได้ในที่สุด พวกเคตัสต่างช่วยกันแบกตัวไซม็อนขึ้นแล้วเดินจากไป พวกมันต่างพากันโฮ่ร้องด้วยความยินดี

“ ช่วยฉันด้วย อริส!” ไซม็อนร้องขอความช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะปล่อยเพื่อนให้ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้

“ รอก่อนนะ! ฉันกำลังไปช่วย ” ฉันกระโดดลงจากต้นไม้ พวกเคตัสส่วนหนึ่งแบกไซม็อนหนีไป แต่อีกส่วนหนึ่งก็ตรงมาทางฉัน

“ เข้ามาซิ เข้ามา ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก ” ฉันทำท่ากำหมัดตั้งท่าเพื่อรอต่อสู้ พวกมันเริ่มเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เคตัสตัวหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา ฉันหลับตาปี๋แล้วเหยียดขาออกไป

โพล้ะ !! ฉันดันเตะไปโดนตัวเคตัสตัวนั้นอย่างแรง จนมันกระเด็นออกไป พวกเคตัสตนอื่นเห็นดังนั้น พวกมันวิ่งกรูเข้ามาทางฉันทันที ฉันใช่กระเป๋าตีไปที่พวกมันโดนบ้างไม่โดนบ้าง แต่แล้วฉันก็ต้องเสียท่าพวกมันจนได้ ฉันล้มลง พวกมันพากันแบกตัวฉันขึ้นฉันหมดแรงที่จะสู้พวกมันได้แล้วตอนนี้

“ หยุดก่อน!!! ไอพวกกบ ” ฉันหันไปตามเสียง ราคูพูดขึ้นแค่ประโยคเดียวเท่านั้นพวกเคตัสก็โยนฉันทิ้ง แล้วรีบวิ่งหนีไป

“ ไปให้พ้นเลยนะ ไอพวกกบ อาหารฉันเสียรสชาติหมด ” ราคูไล่พวกเคตัสไป พวกมันวิ่งหนีไปจนหมด แล้วราคูก็เดินมาพาฉันเข้าไปในถ้ำใต้โพลงไม้

“ คุณเป็นใครกันคะ ทำไมพวกเคตัสถึงกลัวคุณ ” ราคูเดินไปนั้งหน้าเตาผิงแล้วตอบว่า “ ฉันคือราคู เทพแห่งป่าตะวันตกในดินแดนดรีมเมเนเฟีย ไอพวกกบน่ะมันก็ต้องกลัวฉันอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าเธอนี้เก่งนะหาทางออกจากตาข่ายฉันจนได้ ”

“ แล้วคุณกินเนื้อจริงหรือคะเห็นไซม็อนบอกว่าคุณไม่กินเนื้อ ” ฉันถามด้วยความสงสัย

“ ตอนแรกก็ไม่กินหรอก แต่เห็นพวกเจ้าแล้วฉันอยากกินขึ้นมาเลย ” ราคูพูดแล้วก็หัวเราะ ฉันว่าเขาแค่อยากจะแกล้งพวกเรามากกว่าอยากกินเรา

“ ราคู คุณช่วยเพื่อนฉันด้วย ” ฉันขอร้องจากใจหวังว่าราคูคงจะใจออน

“ ไม่ใช่เรื่องของข้า ทำไมข้าต้องช่วยเพื่อนเจ้าด้วยล่ะ ” ราคูพูดเสียงแข็ง

“ ถ้าไม่มีไซม็อนแล้วฉันจะช่วยดินแดนแห่งนี้ได้ยังไงกัน ” ฉันบอกกับราคู ราคูทำสีหน้าแปลกใจ “ เธอมาเพื่อช่วย ดรีมเมเนเฟียหรอ? ”

“ ใช่คะ ! ” หลังจากฉันตอบคำถามนั้น ราคูเดินวนรอบๆตัวฉันด้วยท่าทีสงสัย

“ มองหน้าหนูทำไมคะ ” ฉันถามด้วยความกังวล “ ไม่มีอะไรหรอก เธอคือ อริสใช่มั้ย ” ราคูรู้จักชื่อของฉัน

“ ใช่คะ ” ฉันตอบ จากนั้นราคูก็เอาแต่หัวเราะ เขาเดินไปเดินมาพร้อมกับหัวเราะอย่างกำลังสะใจ

“ แล้วคุณจะไปช่วยเพื่อนหนูมั้ย ” ราคูหยุดหัวเราะแล้วหันมาทางฉัน “ ฉันจะไปช่วยอะไรเธอได้ล่ะ เธอจะมาช่วยดินแดนแห่งนี้ เรื่องแค่นี้เธอก็น่าจะจัดการเองได้ไม่ใช่หรอ ” ราคูพูดอย่างนี้หมายถึงอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย แต่ถ้าเขาไม่ช่วย ฉันจะไปช่วยเอง ฉันเดินออกจากที่นั้นทันที

“ จะไปไหน? ” ราคูถามฉัน

“ ก็ไปช่วยเพื่อนไงล่ะ ” ฉันตอบด้วยความโมโห ราคูเดินมาที่ฉันแล้วถามฉันว่าทำไมฉันถึงมาที่นี้ ฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พอเล่าจบสีหน้าของราคูก็ดูเปลี่ยนไป สีหน้าของราคูในตอนนี้เหมือนเขากำลังดีใจ

“ เธอมาช่วยพวกเราจริงๆ หรอ ” ราคูจ้องมาที่หน้าฉัน

“ จริงคะ ถึงแม้ความจริงมันจะไม่ใช่สิ่งที่หนูคิดไว้ก็ตาม ” ฉันพูดด้วยความไม่มั่นใจ หลังจากนั้นราคูก็มีสีหน้าที่เป็นมิตรมากขึ้น

“ ฉันจะไปช่วยเพื่อนเธอเอง ” ฉันตกใจแล้วถามต่อว่า “ ทำไมล่ะคะ ก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นอยากไปช่วยเพื่อนหนูเลย แล้วอะไรทำให้คุณเปลี่ยนใจ ”

“ ฉันเบื่อกับการที่เห็นดินแดนแห่งนี้เป็นอย่างนี้เต็มทีแล้ว เมื่อก่อนดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่มีแต่ความสงบสุข แต่อยู่ดีดีดินแดนแห่งนี้ก็กลับกลายเป็นนรกไป ก่อนหน้านี้ก็มีชายคนหนึ่งมาที่นี้ เขาชื่อ อดัม ”

ฉันตกใจที่ได้ยินชื่อนั้น “ คุณรู้จักคุณปู่ด้วยหรอคะ ” ฉันถามราคูทันที “ รู้จักซิ เธอเป็นหลานของเขาหรอ ” ราคูถามอย่างตกใจเช่นกัน ฉันพยักหน้า ราคูรีบเดินไปหยิบวัตถุปริศนาชิ้นหนึ่งมาให้ฉัน

“ ถ้าเธอเป็นหลานเขา ฉันก็ขอมอบสิ่งนี้ให้กับเธอติดตัวไว้ ”

“ นี่มันคืออะไรคะ ” ฉันหยิบมันขึ้นมา จ้องไปที่รู้เล็กๆตรงกลางวัตถุปริศนา

“ มันคือเข็มทิศ ที่จะบอกทางให้เธอ ไปในทุกที่ที่เธออยากไป ” ราคูบอกฉันเช่นนั้น แต่ลักษณะของมันดูเหมือนก้อนหินแหลมๆที่ดำสนิทก้อนหนึ่ง ซึ่งมีรูอยู่ตรงกลางเท่านั้น

“ ปู่ของเธอเป็นคนดีมาก เขาก็พยายามช่วยพวกเราแต่วันหนึ่งเขาก็หายตัวไป ” ราคูก้มหน้าแล้วพูดต่อว่า “ ฉันหวังว่าสิ่งนี้ คงจะนำทางเธอให้ไปช่วยเจ้าตุ๊กตาแมวตัวนั้นได้นะ ”


“ แล้วไม่ไปด้วยกันหรอคะ ” ฉันถามราคูด้วยความสงสัย

“ ไปด้วยไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นสัญญาระหว่างข้ากับพวกเคตัส ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับการหาอาหารของพวกมัน แต่ข้าจะให้สิ่งที่พวกมันกลัวไป ข้าช่วยได้แค่นี้จริงๆ ซึ่งถ้าเจ้าไปช้า เจ้าตุ๊กตาแมวอาจจะตกเป็นอาหารของพวกมันแล้วก็ได้ ” ราคูพูดเสียงแข็ง

“ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่า พวกเคตัสพาไซม็อนไปไว้ที่ไหน ” ราคูจ้องไปที่หินเข็มทิศ “ ก็ใช้นี่ไง ”

ฉันออกมาจากถ้ำของราคูแล้วเดินเรื่อยๆ ในมือก็กำหินเข็มทิศไว้แน่น สายตาก็มองไปที่มันด้วยความสงสัยว่า จะใช้เจ้าหินก้อนนี้ยังไง ฉันกำมันไว้ในมือ แล้วลองหลับตาอธิฐาน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น แล้วจะให้ทำวิธีไหนล่ะ ฉันคิดในใจด้วยความโมโห แล้วเอานิ้วชี้จิ้มลงไปในรูตรงกลางหินแล้วยกขึ้นมา

“ ฉันอยากไปที่อยู่ของพวกเคตัส!!!! ” ฉันตะโกนเสียงดังด้วยพลังโมโห


มันได้ผล! หินเข็มทิศที่คาอยู่ที่ปลายนิ้วชี้เริ่มหมุนซ้ายหมุนขวา แล้วปลายของมันก็เปล่งแสงสีเหลืองออกมา มันหยุดแล้วชี้ไปทางด้านซ้ายมือของฉัน

ฉันออกเดินไปตามทางที่เข็มทิศนั้นชี้ไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆแสงสีเหลืองก็ดับลงแล้วกระเด็ดหลุดออกจากนิ้วฉันเองโดยอัตโนมัติ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู นี้ถึงแล้วหรอ ไม่เห็นมีอะไรเลย ป่าหิมะว่างเปล่า หินนี้ไม่เห็นได้เรื่องเลย ฉันกำมันแล้วกระโดดเพื่อพยายามจะโยนมันทิ้งไป

โอ๊ยยยย!!!!!!

ฉันร้องด้วยความตกใจ อยู่ดีๆฉันก็ตกลงมาในหลุมแล้วไหลลงมาตามช่องเล็กๆ ไม่นาน....

ตุ๊บ!!!!

ฉันตกลงมาบนพื้นหนึบๆ เขียวๆ น่าขนลุก ไม่ใช่แค่ที่ฉันอยู่ แต่ที่นี้ทุกที่ก็มีสภาพเช่นเดียวกัน

เสียงประหลาดดังขึ้นมาจากข้างใต้ที่ฉันอยู่ พอมองลงไปข้างล่าง ก็เห็นพวกเคตัสเป็นพันๆตัว ต่างนอนกรนหลับกันอย่างน่าเกียจ เคตัสสองตัวที่ทำท่าทางเหมือนทะเลาะกันอยู่มุมถ้ำ ฉันมองหาไซม็อนก็เหลือบไปเห็น นั้นไซม็อน !! ไซม็อนถูกจับใส่กรงห้อยไว้บนผนังข้างหลังเจ้าเคตัสสองตัวนั้น

“ ไซม็อน! ไซม็อน ! ” ฉันตะโกนเบาๆไม่ให้พวกเคตัสได้ยิน “ ไซม็อนหันมาทางนี้ซิ! ” แต่ดูเหมือนไซม็อนจะไม่ได้ยินเสียงของฉันเลย

ฉันพยายามปีนลงไปอย่างช้าๆและให้เบามากที่สุด เพื่อไม่ให้พวกเคตัสตื่น ฉันค่อยๆเดินลัดเลาะไปตามตัวเคตัสแต่ละตัวอย่างช้าๆ บางตัวนอนเหยียดแข้งขาไปมาหวุดหวิดจะโดนตัวฉัน

“ คูกิกาลู” เคตัสตัวหนึ่งส่งเสียงแปลกๆขึ้นมา ฉันตกใจถอยหลังไปล้มชนเคตัสอีกตัวที่หลับอยู่ มันพลิกตัวแล้วเอามือข้างหนึ่งมาทับขาฉันแน่น ฉันตกใจจะร้องออกมาแต่ทำได้แค่เอามือมาอุดปากตัวเองไว้แน่น เคตัสตัวที่ส่งเสียงร้องมันพลิกตัวแล้วกลับไปหลับต่อ ทำฉันตกใจแถบแย่ ฉันพยายามยกมือของเคตัสที่ทับขาฉันออกอย่างช้าๆ –ฮึบ- ดูเหมือนจะไม่ได้ผล –ฮึบ- ขาของมันเล็กแต่หนักมาก ฉันไม่สามารถเอามันออกได้

ฮึบ!!! ครั้งนี้ขานั้นยกขึ้นโดยที่ฉันไม่ต้องออกแรงมากเท่าไร

แปะ! แปะ!

น้ำเขียวๆ หนืดๆ หยดลงมาตรงขาอีกข้างหนึ่ง ฉันเงยหน้าขึ้นไปดู ตัวเคตัส! มันตื่นแล้ว

“ กีคานามูอูดู้ ” มันพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเป็นภาษาแปลกๆ แล้วก็จับขาฉันลากเดินไปตามทาง เคตัสตัวอื่นๆก็เริ่มตื่นขึ้นมา แล้วส่งเสียงแปลกๆกันดังกระหึ่ม

“ อริส! เธอมาที่นี้ได้ยังไง? ” ไซม็อนถามด้วยความดีใจ

“ ก็มาช่วยเธอไง อุ๊ย! ” ฉันตอบยังไม่ทันจบ เคตัสมันก็โยนฉันเข้าไปในกรงอีกอันที่อยู่ข้างๆไซม็อน แล้วมันก็ดึงฉันขึ้นไปเรื่อยๆ จนฉันห้อยอยู่ในกรงเท่ากับไซม็อน

“ นึกว่าเธอจะไม่มาช่วยฉันซะแล้ว ” ไซม็อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆด้วยความดีใจ

“ ต้องมาซิ ” ฉันตอบ “ ฉันนึกว่าพวกมันกินเธอไปแล้วซะอีก ” ฉันกระซิบไปที่ไซม็อน

“ ตอนแรกมันก็จะกินฉัน แต่มันพูดอะไรกันไม่รู้ซักพักมันก็จับฉันมาไว้ในกรงบ้าๆนี้ล่ะ ” ไซม็อนตอบพลางเอามือเล็กๆ เขย่าไปที่กรง

“ แล้วเธอล่ะ รอดจากพวกมันได้ยังไง ” ไซม็อนทำตาโตแต่ก็โตได้แค่นิดเดียว

“ ราคูงะล่ะ เขาช่วยฉันไว้ ”

“ ราคูไม่กินเธอแล้วหรอ ” ไซม็อนถามด้วยความสงสัย “ เห็นว่าเขาจะกินพวกเราไม่ใช่หรอ ”

“ อืม! เขายังให้เจ้าหินเข็มทิศนี้มาเพื่อตามหาเธออีกด้วย เขารู้จักกับคุณปู่ฉันด้วยนะ ” ฉันหยิบหินเข็มทิศจากกระเป๋าแล้วให้ไซม็อนดู
“ มันก็เป็นแค่ก้อนหินธรรมดา ”

“ อย่ามองอะไรแค่ภายนอกซิ มันทำอะไรได้มากกว่าที่เห็นนะ ” ฉันยิ้มแล้วเก็บมันลงกระเป๋าทันที สายตาฉันก็ต้องสะดุดกับอะไรบางอย่างในกระเป๋า

“ ฉันรู้วิธีออกจากที่นี้ได้แล้วล่ะ ” ฉันมองไปที่พวกเคตัส แล้วก้มลงไปหยิบแผ่นหินที่ราคูได้ให้ไว้ก่อนมาถ้ำเคตัส

“ เธอจะใช้ไอ้แผ่นหินนั้นขว้างหัวพวกมันแล้ววิ่งหนีหรอ ” ไซม็อนถามฉันด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ บ้าหรอไง !” ฉันอุทานออกมา “ ราคูบอกว่า พวกมันกลัวแผ่นหินนี้มาก ” ไซม็อนเหมือนจะเริ่มเชื่อฝีมือฉัน ฉันตะโกนเรียกพวกเคตัสอย่างดัง มีเคตัสสองตัวที่เฝ้ากรงขังเดินตรงมาทันที

“ ไซม็อนอยู่เฉยๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ” ฉันหันไปบอกไซม็อนเพราะตอนนี้สีหน้าของไซม็อนเริ่มซีดมากอย่างเห็นได้ชัด

ฉันชูแผ่นหินนั้นให้เคตัสสองตัวนั้นดู พอมันเห็นมันทำหน้าตกใจกลัวแล้วรีบหมอบลงกับพื้นทันที

ไซม็อนหัวเราะดังลั้น “ ปล่อยพวกข้าไปซะ ไอพวกกบตัวเขียว ” มันตัวหนึ่งรีบเอากุญแจมาไขแล้วปล่อยเราออกจากกรงอย่างมือสั่น
เรายืนหันหน้าไปทางพวกมันแล้วชูแผ่นหินขึ้นให้สูงที่สุด พวกมันค่อยๆตื่นขึ้นทีละตัว เมื่อมันแต่ละตัวตื่นขึ้นก็ต้องกลับไปนอนหมอบลงกับพื้นทันทีพร้อมกับส่งเสียงฮือฮากันดังสนั่นด้วยความกลัว

“ สงสัยพวกมันคงกลัวแผ่นหินนี้มากจริงๆเลยนะเนี้ย ” ไซม็อนถามพลางเดินกอดอกแล้วยืดอกเล็กๆขึ้น “ หลบไปเลยพวกกบตัวเขียว เห็นไหมพวกข้ามีอะไร ถอยๆ ” ไซม็อนเดินนำฉันแหวกพวกเคตัสออกไป

ถ้ำของพวกเคตัสใหญ่และกว้างมาก กว่าจะเดินไปถึงปากถ้ำก็ต้องเดินผ่านพวกเคตัสไปตลอดทาง เดินไปได้ซักพัก ก็เห็นลำธารไหล่ตัดผ่านตัวถ้ำอยู่ข้างหน้า ไซม็อนเดินไปไกล้ลำธารด้วยความมั่นใจ พร้อมกับบ่นด่าพวกเคตัสไปเรื่อยๆ โดยพวกเคตัสก็ก้มหน้าแล้วหมอบอยู่ข้างๆเต็มไปหมด

" พอแล้วอย่าด่าพวกมันมากเลย เดี๋ยวมันโกธรขึ้นมาจะมากินพวกเราซะเปล่าๆ ” ฉันบอกไซม็อน

ไซม็อนหยุดชะงักลงโดยไม่ทันตั้งตัว

“ พวกมันจะมากินเราได้ยังไง ” ไซม็อนจับมือฉันขึ้นมา “ ในเมื่อเรามี....”

แผ่นหินหลุดจากมือฉัน กระเด็ดไปตกในลำธารทันที

“ ไซม็อน! ทำอะไรน่ะ ” ฉันตะคอกไซม็อนด้วยความโมโห “ แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ”

เคตัสตัวหนึ่งเงยหน้าขึ้นมา แล้วไม่เห็นแผ่นหินที่มือฉัน มันส่งเสียงร้องเป็นสัญญาณ เคตัสทุกตัวลุกขึ้นแล้วเดินๆช้ามาทางเรา

“ เอาแล้วไง มันล้อมเราไว้หมดแล้ว มอบตัวดีไหม? ” ไซม็อนหันมาถามฉัน

“ จะบ้าหรอ เราไม่ได้กำลังจะโดนตำรวจจับนะ ” ฉันหันไปดุไซม็อน “ คิดซิว่าจะเอาไง ”

พวกเคตัสเริ่มเดินเข้ามาไกล้ๆอย่างช้าๆ มันส่งเสียงคำรามพร้อมโชว์ฟันแหลมๆออกมาพลางจะบอกว่าหนีไปใหนไม่รอดแน่
“ ไซม็อนมองไปที่ลำธารซิ พอจะลงไปเก็บมันขึ้นมาได้มั้ย ” ฉันถาม

“ เดี๋ยวจะรองดู ” ไซม็อนกระโดดลงไปในลำธาร น้ำแรงมากพัดไซม็อนลอยออกไป ฉันเห็นไม่ได้ทีเลยกระโดดตามลงไป ฉันและไซม็อนร้องตะโกนเสียงดังพร้อมไหลไปตามสายน้ำ พวกเคตัสวิ่งตามเราอยู่รอบๆลำธารบางตัวก็วิ่งลงตามเรามา เราเริ่มไหลออกห่างจากพวกเคตัสไปเรื่อยๆ ไหลไปในช่องลำธารเล็กๆยาวสุดลูกหูลูกตา

“ อริส!!” เสียงไซม็อนตะโกนด้วยความตกใจ ไซม็อนพยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำจะมาทางฉัน แต่สายน้ำพัดแรงและเราอยู่ห่างจากกันพอสมควร

“ นั้น !!! มีลำธารน้ำแยกข้างหน้า ” ไซม็อนตะโกนแล้วชี้ไปข้างหน้าอีกไม่ไกล

My Dream Miracal ตอนที่ 4 ดินแดน ดรีมเมเนเฟีย

บันทึกที่ 4
ดินแดน ดรีมเมเนเฟีย

ตอนนี้ฉันอยากรู้เหลือเกินว่า เซนเดอร์โรส์น มันคือดอกไม้อะไร ฉันได้รับปากกับลุงฮีมิสส์ไว้ว่าจะเป็นคนตามหามันเอง แล้วฉันจะไปหามันได้ที่ไหนกันล่ะ นี่ก็มึดมากแล้วฉันควรเข้านอนเพื่ออมแรงเอาไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้

“ อริส ! ว่าไงเจอไหม ? ฉันหวังว่าเธอจะเจอมันแล้วน่ะ ” เจ้าตุ๊กตาแมวตาปรือเข้ามาเข้าคุยกับฉัน ฉันตกใจมากกระโจนลุกขึ้นไปนั้งอยู่ปลายเตียทันที

“ นี้มันเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันหรอ เจ้ามีชีวิตจริงๆใช่ไหม ” ฉันถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง

“ ก็ใช่น่ะซิ ยังไม่ชินอีกหรอฉันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆจากคำอธิฐานของเธอในวันคริสต์มาสไงล่ะ ตกลงแล้วเธอได้มันมาหรือเปล่าตำราชุบชีวิตน่ะ ”

“ ฉันหามันเจอแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะไปหา เซนเดอร์โรส์นได้ที่ไหน ” เจ้าแมวตาปรือกระเทิบเข้ามาไกล้ๆฉันแล้วพูดว่า

“ ก็ฉันนี่ล่ะ ที่จะเป็นคนพาเธอไปเอง ”

ฉันมองไปที่เจ้าตุ๊กตาแมวน้อยอย่างสงสัยว่าจะพาฉันไปที่ไหนแล้วจะไปโดยวิธีใด

“ อริส เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกมีฉันอยู่ ฉันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ” เจ้าตุ๊กตาพูดด้วยท่าทางโอหังยิ่งนัก

“ ก่อนอื่นบ้านเธอมีกระจกบานเก่าซักบานไหมล่ะ ” เจ้าตุ๊กตาถามฉัน ฉันก็ตอบไปว่ามี แล้วฉันก็เดินลงไปที่ห้องเก็บของค้นหากระจกเก่าๆมาบานหนึ่งแล้วฉันก็พบมัน มันเป็นกระจกบานขนาดพอเหมาะ กระจกบานนี้ฉันได้มาในตอนไปเที่ยวที่เมืองไทย มันเป็นกระจกที่สวยมากเพราะมีลวดลายที่เป็นลายกนก ดูไปยิ่งเก่าก็ยิ่งสวยมากเลยทีเดียว ฉันเอามันขึ้นไปบนห้องทันที พอถึงห้องเจ้าตุ๊กตาแมวก็เอากระจกบานนั้นใส่กระเป๋าสีม่วงใบหนึ่งให้ฉันสะพายมันไว้ แล้วก็ลากฉันให้ขึ้นไปนอนบนที่นอนแล้วก็บอกว่า “ อริส ! หลับซะเราจะไปกันแล้ว ”

“ แล้วเจ้าจะพาฉันไปที่ไหนกัน ” ฉันผยุงตัวขึ้นแล้วถามไปด้วยความตกใจ

“ ก็เธอกำลังจะตามหาเซนเดอร์โรส์นไม่ใช่หรอ ฉันจะพาเธอไปเอง ” เจ้าตุ๊กตาแมวพูดจบก็พลักให้ฉันล้มตัวลงนอน แล้วเอามือฉันมาโอบกอดตัวของมันไว้แน่นราวกับตอนนี้ ฉันกำลังนอนกอดตุ๊กตาเวลานอนอย่างไงอย่างนั้น แต่แล้วฉันก็หลับไปจริงๆ ตอนนี้รู้สึกถึงความมืดมิดในยามหลับได้อย่างชัดเจนความเงียบสงัดเริ่มเข้ามาคลอบงำตัวฉัน

“ อริส! ตื่นได้แล้วตอนนี้เรามาถึงแล้ว ” เจ้าตุ๊กตาแมวปลุกฉันให้ตื่นจากการหลับไหล สิ่งที่ฉันเห็นสิ่งแรกในตอนนี้คือ หิมะ ฉันนอนอยู่บนพื้นที่มีหิมะปรกคลุมอยู่ หิมะกำลังตกแต่งฉันกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นเลยแต่อย่างไร ที่นี้ซินะที่คุณปู่พูดถึง เรามาถึงแล้ว ฉันลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ

“ ที่นี้ที่ไหนหรอเจ้าตุ๊กตาแมว ”

“ ที่นี้เรียกว่า ดรีมเมเนเฟีย หรือโลกแห่งความฝันยังไงล่ะ ” ดรีมเมเนเฟียหรอ มันช่างสวยงามเหลือเกินจริงๆ นี้เราอยู่ในความฝันของเราเองซินะ

“ อริส อย่ามัวชื่นชมกับธรรมชาติสีขาวนี้อยู่เลยเรามีภาระกิจที่ต้องทำไม่ใช่หรอ ” เจ้าแมวพาฉันออกเดินทางทันที แต่ฉันก็ข้องใจว่าเจ้าตุ๊กตาแมวรู้หรอว่าเซนเดอร์โรส์นอยู่ที่ไหน

“ เจ้าตุ๊กตาแมวเจ้ารู้หรอว่าเซนเดอร์โรส์นอยู่ที่ไหน ” เจ้าตุ๊กตากอดอกแล้วตอบว่า

“ ก็ต้องรู้สิ แต่อริส! ช่วยเรียกชื่อข้าซักทีเถอะข้าเบื่อกับการที่เจ้าเรียกข้าว่าเจ้าตุ๊กตาเต็มทีแล้ว ”

“ แล้วเจ้าชื่อว่าอะไรล่ะ เจ้าตุ๊กตาแมวตาปรือ ” ฉันถามไปด้วยท่าทีที่ขบขัน

“ ข้าชื่อว่า ไซม็อน ” เจ้าตุ๊กตาตนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังก้อง

“ เจ้าจะตะโกนเสียงดังไปทำไมกัน กลัวฉันไม่ได้ยินมันหรือไง รู้แล้วว่าเจ้าชื่อไซม็อนโอเคไหม ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูตลกเพื่อแกล้งเจ้าไซม็อน แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้ามากมายวิ่งตรงมาทางพวกเรา ฉันกับไซม็อนพยายามหาทางที่มาของเสียงฝีเท้าเหล่านั้น แล้วฉันก็เห็นรอยเท้าเล็กๆวิ่งมาเต็มพื้นที่มีหิมะปรกคลุมอยู่ แต่ไม่เห็นร่างเจ้าของรอยเท้านั้นแต่อย่างใด

“ นั้นรอยเท้าอะไรน่ะไซม็อน แต่ไม่เห็นตัวของเจ้าของรอยเท้านั้นเลย ” ฉันยังพูดไม่จบไซม็อนก็วิ่งนำฉันไปแล้ว เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นก็ปรากฎร่างขึ้น ตัวของมันดูมันแพล็บน่าขยักแขยง ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งตามไซม็อนไปทันที ระหว่างที่เราวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้นไซม็อนก็หันมาพูดกับฉันว่า

“ นั้นคือตัว เคตัส มันเป็นสัตว์ประหลาดตัวเขียวที่มีรูปร่างเหมือนกบแต่เดิน2ขามันเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดเล็กแต่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ”

แฮ็กๆๆ..เสียงหอบจากการวิ่งของฉัน ฉันหันไปหาพวกมันขนาดของมันโตประมาณเอวฉัน พวกมันทำปากเหมือนหิวโหยมากแต่ละตัวต่างทำเสียงคำรามอย่างโหยหวน

“ แล้วทำไมตอนแรกถึงไม่เห็นตัวพวกมันล่ะ ” ฉันถามไซม็อนด้วยความสงสัย

แฮ็กๆๆ “ ก็เพราะไม่ให้เหยื่อเห็นตัวพวกมันไงล่ะ นั้นล่ะคือความสามารถของพวกมัน มันคงได้ยินเสียงฉัน ก็เลยหวังจะวิ่งมากินพวกเรามั่ง ” เราทั้งสองวิ่งไปได้ซักพักใหญ่ พวกมันวิ่งเข้ามาไกล้แล้ว

“ ไซม็อนรอฉันด้วย ” ฉันวิ่งสะดุดก้อนหินเล็กๆก่อนหนึ่งล้มลง “ ไซม็อนฉันลุกไม่ไหว ช่วยด้วย!! ”

“ พยุงตัวขึ้นแล้วมาทางนี้ ” ไซม็อนลากฉันไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ พวกเคตัสวิ่งเลยไป พวกมันไม่เห็นเราเลยซักนิด “ ฮะ...ฮัท..ฮัท...ฮัท.. ” ไซม็อนรีบเอามือเล็กมาปิดปากฉันไม่แน่น

“ จะมาจามอะไรตอนนี้อีกล่ะ เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาอีกหรอก ” ฉันอั้นมันเอาไว้รอให้พวกเคตัสไปให้ไกลจากตรงนี้เสียก่อน แต่มือฉันก็ไปจับโดนอะไรเข้า

กรี๊ด!!!! มือฉันไปจับโดนหางของเคตัสตัวหนึ่งเขา “ ไป! ออกไปนะ ” ฉันลากไซม็อนวิ่ง เคตัสตัวนั้นมันส่งเสียงดังเรียกพวกของมันให้ย้อนกลับมา พวกมันเริ่มทำการวิ่งไล่ฉันอีกรอบ

แฮ็กๆๆๆ เสียงหายใจเริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาเริ่มลดลงและหายไปในที่สุด เราคงหนีมันมาทันแล้วล่ะ พวกเราวิ่งมาหยุดลงบริเวณสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกปรกคลุมไปด้วยหิมะ น้ำในนั้นแข็งเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว ฉันรู้สึกกระหายน้ำมากในตอนนี้ ฉันชโงกมองลงไปในสระก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น

หน้าฉัน? ทำไมฉันถึงหน้าตาเหมือนกับเจ้าหญิงที่เห็นในฝันตอนนั้นเลยล่ะ ไม่ใช่แค่หน้าตา ฉันสังเกตทุกส่วนของร่างกาย นี้ฉัน!!โตเป็นเด็กสาวอายุประมาณ 16ไปแล้วได้อย่างไรกัน ไม่จริงมั่ง ? ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่าภาระหน้าที่ที่ฉันต้องทำมันมากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะแล้วซิ

“ ไซม็อน เจ้าเห็นความผิดปรกติในตัวฉันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ” ไซม็อนพยักหน้า

“ แล้วทำไมถึงไม่ทักฉันซักคำว่าร่างกายฉันเปลี่ยนไป ”

“ อย่าลืมซิว่านี้มันความฝันของเธอนะ เธออยากโตเป็นสาวเร็วๆ เธอก็เป็นสาวแล้วไง ” ฉันตกใจกับคำพูดของไซม็อน แสดงว่าเรื่องราวในนี้ฉันเป็นผู้กำหนดอย่างนั้นหรือ แต่ฉันไม่ใช่คนที่กล้าหาญแล้วฉันจะชนะกับความกลัวของฉันได้อย่างไร

“ อริส ฉันมีความลับจะบอกเธอ ” ไซม็อนทำสีหน้าไม่สู้ดีแล้วจองที่หน้าฉัน

“ เธอเห็นดินแดนนี้หรือเปล่าที่นี้มีเพียง 2 ฤดู คือหนาวกับร้อนช่วงฤดูหนาวหิมะจะตกหนักพอถึงฤดูร้อนที่นี้จะกลายเป็นทะเลทรายไม่มีวัน ที่ว่าที่นี้จะคืนความเขียวขจีดังเดิมได้ ”

“ เจ้าพูดอย่างนี้แสดงว่าที่นี้เคยเขียวขจีมาก่อนใช่ไหม แล้วทำไมที่นี้ถึงได้เป็นอย่างนี้ล่ะ ”

“ เป็นคำสาปของคามาซอตซ์ เทพแห่งความชั่วร้าย เขาได้มาครอบครองดินแดนแห่งความฝันและโกธรแค้นพวกมนุษย์ผู้ใหญ่ เพราะพวกมนุษย์ผู้ใหญ่ไม่เชื่อเรื่องความฝัน ความฝันจึงมีเฉพาะในจินตนาการของเด็กๆเท่านั้น แต่พอเด็กเติบโตขึ้นจินตนาการแห่งความฝันนี้ก็จะหายไป คามาซอตซ์เลยสาปที่นี้ให้เป็นเช่นนี้ตราบชั่วนิจนิรันดร์จนกว่าจะมีสัตว์ที่มีความบริสุทธิ์มาพร้อมกับหญิงสาวบริสุทธิ์มาที่ดินแดนแห่งนี้เพื่อช่วยปลดปล่อยให้ดินแดนดรีมเมเนเฟีย กลับมามีชีวิตชีวาดังเดิม แล้วสัตว์ตนนั้นก็คือม้ายูนิคอร์น ”

“ ก็ไม่เห็นยากเลย ที่นี้มันดินแดนจินตนาการนะ ไม่มียูนิคอร์นเลยซักตัวเหรอ ”

“ คามาซอตซ์ได้สาปยูนิคอร์นที่นี้ทุกตัวให้กลายเป็นหินแล้วทำลายร่างของทุกตัวทิ้ง เหลืออยู่ตัวหนึ่งที่ท้องแก่ไกล้คลอดหนีไปได้ ” ไซม็อนบอกว่าเหลือเพียงตัวเดียวคือยูนิคอร์นที่ท้องแก่ไกล้คลอดอย่างนั้นหรอ แล้วเมื่อมันคลอดลูกออกมามันก็ต้องตายแล้วลูกของมันก็คือ...

“ แซร์ร่า !! มันคือยูนิคอร์นตัวสุดที่จะช่วยดินแดนแห่งนี้ไว้ได้ ”

เสียงฉันสั้นไปพร้อมๆกับตัวฉันในตอนนี้ ฉันว่าแล้วภาระกิจในครั้งนี้คงไม่ใช่แค่ตามหาเซนเดอร์โรส์นเพียงอย่างเดียวเพราะเหมือนทุกอย่างได้ถูกจัดวางไว้ตั้งแต่แรกเรียบร้อยแล้วทั้งความฝันในตอนนั้น ตำราชุบชีวิต เจ้าไซม็อนที่เป็นตุ๊กตาแมวมีชีวิต รูปปั้นแซร์ร่า และคุณปู่ คุณปู่ขา...ตอนนี้ภาระหน้าที่มันใหญ่เกินกว่าที่หนูจะรับผิดชอบมันได้ หนูจะทำอย่างไรดีคะ ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยคนเดิม ถึงแม้ร่างกายฉันจะโตแต่ฉันก็ยังเป็นเด็กน้อย อริส อยู่ดีล่ะนะ

“ เธอไม่จำเป็นต้องทำเพื่อที่นี้ก็ได้นะ อริส! เธอจะกลับตอนนี้ก็ได้ เพียงเธอหยิบกระจกในกระเป๋าบานนั้นออกมา สัมผัสไปที่มัน แล้วเราก็จะได้กลับบ้านกัน ปล่อยให้.. ดรีมเมเนเฟีย เป็นเพียงจินตนาการ เดี๋ยวพอเธอโตเธอก็จะลืมมันไปเอง ” ไซม็อนพูดกับฉัน แต่ฉันไม่ยอมหรอกถึงฉันจะเป็นเด็กที่ขี้ขลาดแต่ฉันก็ไม่ใช่เด็กที่เห็นแก่ตัวนะ ฉันเองก็อยากจะเห็นที่นี้ ที่ดินแดน ดรีมเมเนเฟีย กลับมาเขียวขจีดังเดิมเหมือนกันล่ะ

“ ไซม็อนฉันรับภาระกิจนี้ เราจะช่วย ดรีมเมเนเฟียไว้ด้วยกันนะ ” ไซม็อนดีใจที่เห็นฉันมีความกล้ามากขึ้นฉันก็ดีใจเช่นกันที่ตัดสินใจเช่นนี้

เราเริ่มออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆแล้วไซม็อนก็เห็นถ้ำๆหนึ่งแต่ฉันมองมันดูเหมือนว่าเป็นโพลงต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์มากกว่า เราเลยเดิมเข้าไปไกล้ๆ

โอ๊ย!!!!!

มีตาข่ายขนาดใหญ่ดึงเราขึ้นไปแขวนไว้กับต้นไม้ตอนนี้เราอยู่สูงห่างจากพื้นพอสมควร ฉันกับไซม็อนติดกับดักของใครก็ไม่รู้ ตาข่ายมันหนาและใหญ่มากจนเราไม่สามารถที่จะดิ้นให้หลุดออกจากตาข่ายนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ ช่วยเราด้วย ” ฉันร้องเรียกให้ใครก็ได้ให้มาช่วยเราออกจากตาข่ายนี้ไป แต่ไซม็อนก็เอามือมาอุดปากฉันไว้แน่น

“ เดี๋ยวพวกเคตัสก็แห่มาที่นี้อีกหรอก หุบปากไว้แล้วคอยดูสถานการณ์ดีกว่า เรายังไม่รู้เลยนะว่าคนทำกับดักนี้ขึ้นมีจุดประสงค์อะไร เราเองอาจจะเดินไม่ดูตาม้าตาเรือมาติดเองก็ได้ออมแรงไว้ดีกว่า ดูๆไปก่อนรอเขามาแล้วค่อยร้องก็ยังทัน ถ้าเขามาร้ายนะ ” ไซม็อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่วิตกกังวลอะไรเลย แต่ฉันรู้สึกสังหรใจว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่ๆ

ฉันกับไซม็อนนั้งรออยู่ในนี้มาเป็นชั่วโมงๆแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมาเลย ฉันเลยคิดว่าจะหาทางออกไปจากที่ตรงนี้ ฉันเอาฟันกัดไปที่เชือกถึงมันจะหนามากแต่ถ้ากัดนานๆก็คงจะขาดซักเส้นล่ะนะ

“ ทำไปก็เปล่าประโยชน์ ” มีเสียงลึกลับดังมาจากในโพลงต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น

“ ทำไปก็เปล่าประโยชน์ ฟันของเธอน่ะไม่มีทางจะทำลายตาข่ายของฉันได้หรอก ” มีร่างค่อยๆโพล่ออกมาจากโพลงต้นไม้ยักษ์ ฉันแทบไม่เชื่อสายตาที่มันตัวอะไรอีกล่ะ มีหัวเป็นสิงโตแต่งตัวเป็นม้า

“ ปล่อยพวกเราไปเถอะนะท่าน ราคู ” ไซม็อนวิงวอนกับราคูให้ปล่อยพวกเราไป

“ ไซม็อนรู้จักเขาด้วยเหรอ ” ฉันถาม ไซม็อนตอบว่า “ นี้คือท่านราคูผู้คุมป่าตะวันตก ท่านเป็นคนดีใจเย็นไว้อริสเรามีคนช่วยแล้ว

“ ยินดีที่ได้รู้จัก.. ปล่อยน่ะปล่อยแน่แต่รอฉันหิวก่อนล่ะนะ ” ราคูเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอันดังก้อง

“ เป็นคนดีเหรอจะกินเรานี้นะ แล้วยังไงล่ะที่นี้ ไซม็อน! ฉันบอกให้หนีแต่แรกก็ไม่เชื่อ เห็นแล้วหรือยังว่าเขาเป็นคนไม่ดีเขามาร้ายทีนี้เราจะทำอย่างไรต่อล่ะ หรือเราจะรอเป็นอาหารเขาดี " ฉันโกธรมากและกลัวมากด้วยฉันยังไม่อยากมาตายตอนนี้หรอกนะ

“ ความจริงท่านราคูไม่ใช่สัตว์กินเนื้อนี้ ท่านจะทำกับดักไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปรบกวนเท่านั้น แต่ทำไมนะถึงได้คิดจะกินเรา ” ไซม็อนเหมือนจะยังคิดไม่ตกกับท่าทางของราคูที่เปลี่ยนไป

“ อาหารอาจไม่มีมั่ง ก็เลยหันมากินเนื้อสัตว์ไงล่ะ มาคิดดีกว่าว่าเราจะออกจากที่นี้ยังไง ”

คิด คิด คิด คิด .....ปิ๊ง !!! คิดออกแล้ว

“ ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วยคะ ใครอยู่แถวนี้ ช่วยเราด้วยคะ....” ฉันร้องตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ไซม็อนก็เอามือมาปิดปากฉันไว้อีก

“ แถวนี้ไม่มีใครมาช่วยเราหรอกนะ แถวนี้มันเขตของ เคตัส ไม่มีใครกล้าเขามาในเขตนี้หรอกนะ นอกจากราคูผู้คุมป่าเท่านั้น ร้องไปเถอะแทนที่จะมีคนมาช่วยแต่เดี๋ยวเคตัสมันก็จะมากินเราให้เราตายเร็วขึ้นอีกน่ะซิ ”

“ ฉันรู้น่ะ ! ว่าจะทำให้เราหนีไปจากที่นี้ได้อย่างไร ช่วยกันตะโกนเร็วเชื่อฉันเชื่อใจฉันซิ ” ไซม็อนเหมือนจะไม่เข้าใจในแผนการของฉันแต่ไซม็อนก็ทำตามที่ฉันบอก เราทั้งสองร้องตะโกนอย่างเสียงดัง ไม่นานก็ได้ยินเสียงกองทัพฝีเท้าเริ่มดังเข้ามาไกล้ๆ

“ มาแล้ว! ไซม็อน พวกเคตัสมันมาแล้ว ”

“ ใช่... มันจะมาช่วยทำให้เราได้ตายเร็วขึ้น ” ฉันจับตรงหัวตาข่ายที่เกี่ยวอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่อีกกิ่งหนึ่งไว้แน่นแล้วให้ไซม็อนจับไว้ที่กิ่งอีกต้นข้างๆฉัน แล้วพยายามเอาขาขึ้นให้ห่างจากก้นตาข่ายให้มากที่สุด

ตัวเคตัสปรากฎร่างขึ้นต่อหน้า มันพากันกัดกินก้นตาข่ายจนขาดแล้วพยายามกระโดดเพื่อจะกินพวกเรา พอก้นตาข่ายขาดหมด เราก็พยายามดึงตาข่ายออกจากตัว แล้วปีนขึ้นไปในบนต้นไม้ใหญ่ พวกเคตัสไม่สามารถปีนขึ้นมาได้พวกมันเอาแต่กระโดดไปมา ฉันคิดว่าเดี๋ยวมันก็หน่อยแล้วกลับไปเอง

แต่มันไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดมันกระโดดอยู่เป็นชั่วโมงๆ ไม่มีทีท่าว่ามันจะเหนื่อยเลยด้วย พวกมันกลุ่มหนึ่งหยุดกระโดด แล้วพยายามที่จะปีนต้นไม้ขึ้นมาแต่พวกมันก็ปีนไม่สำเร็จ มันจึงใช้ฟันของมันแทะต้นไม้ต้นที่ไซม็อนขึ้นไปหลบอยู่พอตัวหนึ่งแทะ ตัวที่สองสามสี่ก็ตามมาแทะ โคนต้นไม้ที่ไซม็อนอยู่กำลังจะโคล่นลงมา แต่ต้นไม้ยังไม่ทันจะโคล่น แต่ตอนนี้ไซม็อนกำลังจะตกจากต้นไม้แทน เพราะต้นไม้โอนไปเอียงมาฉันเห็นแล้วว่าไซม็อนน่าจะเกาะได้อีกไม่นานแน่ๆ

“ อริส! ช่วยฉันด้วย ฉันจับต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ แขนตุ๊กตาจะขาดอยู่แล้ว ” ไซม็อนร้องขอความช่วยเหลือแต่ฉันจะช่วยได้อย่างไรล่ะ

“ อดทนไว้นะไซม็อน เดี๋ยวฉันส่งมือไปหาแล้วจับมือฉันไว้นะ ” ฉันเอื่อมมือข้างหนึ่งไปเกาะที่กิ่งไม้เล็กๆที่ปลายต้นของฉันแล้วส่งมืออีกข้างยืนไปหาไซม็อน

“ จับมือฉันซิ ส่งมือมา ” ไซม็อนจับมือฉันไม่ถึงแขนตุ๊กตาของเขาเล็กและมันสั้นเกินไป ฉันพยายามพยับเข้าไปให้ไกล้กว่านี้อีก ก็ยังจับมือของไซม็อนไม่ถึงอยู่ดี

“ เหวี่ยงตัวมาหาฉัน ตัวเธอทำด้วยนุ่นน่าจะเบาพอที่จะเหวี่ยงตัวเองมาหาฉันได้เอามือข้างหนึ่งจับที่กิ่งไม้แล้วเหวี่ยงตัวกระโดดมาหาฉันเดี๋ยวฉันจะรับเอง ” ไซม็อนพยายามหากิ่งไม้ที่เขาคิดว่าแข็งแรงที่สุดเพื่อจะเป็นแรงส่งในการที่เขาจะเหวี่ยงตัวออกไป ไซม็อนเอามือจับที่กิ่งไม้แน่นแล้วเหวี่ยงตัวเองพร้อมปล่อยมือข้างหนึ่งออก

เป๊าะ !!!!

เสียงกิ่งไม้หัก กิ่งไม้ที่เขาจับอยู่ข้างหนึ่งก็ได้หักลง แต่เขาเอามืออีกข้างไปจับกิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งไว้ได้ทัน ฉันถอดหายใจเฮือกโต

“ เอาใหม่นะไซม็อน จับแน่นๆ ลองใหม่อีกรอบ ” ฉันให้กำลังใจให้ไซม็อนรองใหม่อีกรอบ กิ่งไม้เหลือเพียงกิ่งนั้นกิ่งเดียวถ้าเขาเหวี่ยงตัวไม่ทันหรือกิ่งไม้นั้นหักก่อนที่เขาจะเหวี่ยงตัวเขาไม่รอดแน่ ใครก็ได้ช่วยไซม็อนด้วย

“ ฉันจะเหวี่ยงตัวไปแล้วนะ รอรับฉันด้วยอริส ” ไซม็อนตัดสินใจเหวี่ยงตัวเองอีกครั้ง

เป๊าะ !!! เสียงของกิ่งไม้กิ่งสุดท้ายหักลง พร้อมกับร่างเล็กๆของไซม็อนก็ตกลงบนพื้นทันที

My Dream Miracal ตอนที่ 3 ตำราชุบชีวิต

บันทึกที่ 3
ตำราชุบชีวิต

ฮีมิสส์เริ่มตัดใจแล้วในการหาอดัม เขาก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ไกล้ๆแซร์ร่า จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายของอดัมที่ฝากถึงฮีมิสส์ หลังฮีมิสส์อ่านจดหมายจบ ก็ได้นำรูปปั้นแซร์ร่ากลับบ้าน แล้วนำรูปปั้นไปวางไว้ในสวนหลังบ้านทันที จัดการปลูกดอกกุหลาบแดงไว้ในบริเวณนั้นและดูแลรูปปั้นแซร์ร่าและสวนดอกกุหลาบเสมอมา โดยไม่ให้ใครมาทำอะไรมันได้โดยเด็ดขาด

“ แล้วคุณปู่ล่ะค่ะ ลุงฮีมิสส์ ” หลังลุงฮีมิสส์เล่าเรื่องทั้งหมดจบฉันก็ถามด้วยความสงสัยมาก คุณปู่หายไปได้ยังไง ไหนพ่อกับแม่บอกว่าท่านเสียไปแล้วไงล่ะ

“ ฮืม... แม่เริ่มหิวแล้วล่ะลูก วานลุงฮีมิสส์หน่อยนะค่ะ ” ลุงฮีมิสส์ยังไม่ทันจะตอบ พ่อกับแม่ก็ดักคอซะก่อน ฉันก็เลยไม่รู้ว่าตกลงแล้วท่านอยู่ที่ไหนกันแน่ทำไมไม่มีใครยอมบอกฉันซักที ว่าคุณปู่อยู่ไหน ท่านได้จากฉันไปแล้วจริงเหรอ ในเมื่อไม่มีใครยอมเล่าให้ฉันฟัง ฉันก็จะหาคำตอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็ได้ ฉันเดินตามลุงฮีมิสส์เข้าไปให้ครัว

“ ลุงฮีมิสส์ค่ะ ในจดหมายคุณปู่เขียนอะไรไว้คะ” ฉันเริ่มสงสัยในจดหมายฉบับนั้นทันทีเพราะข้อความในจดหมายมันต้องมีความลับอะไรซ้อนอยู่แน่นอน ลุงฮีมิสส์เหมือนรู้ว่าฉันอยากสำรวจภายในจดหมายฉบับนั้นลุงไม่พูดอะไรแล้วเดินหายไปแต่ไม่นานลุงฮีมิสส์ก็เดินมาพร้อมกับจดหมายฉบับนั้น

“ลองเอาไปอ่านดูนะครับแต่อย่าให้พ่อแม่คุณหนูรู้เรื่องนี้ล่ะ”

“คะ !ลุงฮีมิสส์ หนูสัญญาด้วยเกียรติ์ของ เบล์วตั้น ” ฉันไม่ได้สัญญาเล่นๆนะ เรื่องนี้ฉันเอาจริง ทำไมน่ะหรอ ตั้งแต่ฉันมาที่นี้ก็มีแต่เรื่องแปลกๆมันพอที่จะเป็นเหตุผลในการที่ฉันจะสนใจเรื่องนี้มากพอมั้ย?

แต่ว่าไป ในจดหมายฉบับนี้มันมีข้อความอะไรอยู่กันแน่นะ เปิดจดหมายออกอ่านมันตรงนี้ล่ะ แต่...ถ้าใครมาเห็นเข้าล่ะ จะมีใครอยู่ตรงนี้หรือเปล่านะ ฉันมองทางซ้ายปลอดคน ทางขวามีนกอยู่หนึ่งตัว อืมม.. แต่ไม่เอาดีกว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ฉันเข้าไปอ่านในห้องนอนดีกว่าชัวกว่าเยอะ

<< ถึง ... ฮีมิสส์
ถ้านายได้จดหมายฉบับนี้ฉันแสดงว่านายเจอแซร์ร่าแล้ว ฉันหวังว่าจะกลับตามมาในไม่ช้า ฉันขอโทษที่หนีนายออกมาเพราะฉันไม่อยากให้นายต้องมาเป็นอันตรายเพราะฉัน อีกอย่างฉันเป็นห่วงแซร์ร่ามันกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไป แต่มันก็สายไปแล้ว พอฉันไปถึงที่นั้น ภาพที่ฉันเห็นต่อหน้าคือ แซร์ร่าที่กลายเป็นรูปปั้นหินไปซะแล้ว ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำมัน ฉันได้แต่คิดหาวิธีที่จะให้มันกลับมาเหมือนเดิม และฉันก็นึกถึงยาชุบชีวิตขึ้นมามันเป็นวิธีเดียวแล้วหละฮีมิสส์ ที่เราจะช่วยมัน ตอนนี้ที่นายมีตัวยาครบแล้วส่วนหนึ่งขาดเพียงส่วนผสมสิ่งสุดท้ายซึ่งมันอยู่ที่นี้ฉันจะออกไปเอามันมา แล้วฉันจะส่งแซร์ร่าไปก่อนนายต้องเอารูปปั้นหินแซร์ร่าไปไว้ในสวนดอกไม้หลังบ้าน เอาดอกไม้ชนิดอื่นออกแล้วปลูกดอกกุหลาบไว้เพียงอย่างเดียว อย่าลืมนะว่า ต้องเป็นดอกกุหลาบนายต้องดูแลสวนนั้นอย่างดี จนกว่าฉันจะกลับไป
อีกเรื่องหนึ่งคือ ดูแลหนังสือนั้นอย่าให้ใครเอาไปได้นะจำไว้แล้วฉันจะรีบกลับไป
ดูแลตัวเองด้วย
อดัม.. >>>

คุณปู่มีคู่มือทำยาชุบชีวิตด้วยจริงๆหรอเนี้ย การที่คุณปู่หายตัวไปเพราะตามหาตัวยาเพื่อมาทำเป็นยาชุบชีวิตให้แซร์ร่า ดังนั้นเราต้องช่วยคุณปู่ แต่ก่อนอื่นเราต้องหาหนังสือเล่มนั้นซะก่อน หนังสือเล่มนั้นยังคงต้องอยู่ในบ้านหลังนี้แน่ๆ แต่ในห้องหนังสือของคุณปู่มีหนังสือมากมายซะขนาดนั้นแล้วฉันจะไปหาเจอได้ยังไงกันล่ะ แต่เอ๊ะ! ในจดหมายคุณปู่บอกให้ลุงฮีมิสส์เก็บมันไว้นี้หน่า เราก็ไปเอามาจากลุงฮีมิสส์ก็สิ้นเรื่องนี้ง่ายจะตาย

ห่า...................

“อะไรนะคะ! คุณลุงหามันไม่เจอ ได้ยังไงกันในเมื่อลุงเป็นคนเก็บมันไว้แล้วแบบนี้หนูจะรู้ได้ยังไงว่าตัวยาสุดท้ายคืออะไร ”

“ลุงจำได้ว่าหลังจากที่ท่านอดัมสั่งให้ลุงเก็บลุงก็เก็บมันไว้ในห้องทำงานของท่าน ไว้บนชั้นหนังสือนั้นล่ะครับ นี้ไงกุญแจมันยังอยู่ที่ลุงอยู่เลยเห็นมั้ยครับคุณหนูลุงเก็บมันไว้อย่างดีจริงๆ ” เอ๋...หนังสือที่ต้องใช้กุญแจ ซวยแล้วฉัน ฉันทำมันหายเองนี้ ต้องเป็นหนังสือเล่มนั้นแน่ๆ ฉันไม่หน้าซนเลย แล้วอย่างนี้ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี้ย

เอาอย่างนี้ดีกว่าเราต้องไม่ให้ลุงฮีมิสส์รู้ก่อน ต้องให้ลุงออกไปจากตรงนี้ก่อน ฉันเลยแกล้งหิวทันทีแล้วพยายามจะให้ลุงฮีมิสส์ออกจากห้องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะถ้าแกรู้ว่ามันหายไปเพราะฉันล่ะก็ ตายแง่ๆ ในที่สุดลุงฮีมิสส์ก็ต้องตกหลุมพลางของฉันจนได้ แต่ลุงฮีมิสส์ดูท่าแล้วจะดูงงๆเล็กน้อย อย่าพึ่งสนใจอะไรเลยเวลามีน้อย รีบหามันให้เจอก่อนดีกว่า แล้วมันตกไปตรงไหนล่ะ จะหาเจอไหมเนี้ย ฉันหามันทั้วทั้งห้องแล้วนะ มันหายไปได้ยังไงกัน แต่เดี๋ยวก่อน ... ฉันว่าห้องนี้มันดูแปลกไปนะ ห้องดูสะอาดขึ้นผิดหูผิดตา เหมือนมีคนมาทำความสอาดใหม่ๆเลย

ไม่นะ! ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ

ถ้ามีคนมาทำความสอาดห้อง แสดงว่าก็ต้องมีคนก่อนหน้าเรามาปัดกวาดทุกซอกทุกมุมแล้วล่ะซิ แล้วถ้าเค้าเห็นหนังสือล่ะละ..แล้วถ้าเค้าคิดว่ามันเป็นหนังสือที่ไม่ใช้แล้วล่ะ ละ..แล้วถ้าเค้าทิ้งไปแล้วละ ฉันจะทำยังไง ทำไงดี คิดเร็วสิ อริส ถ้าเป็นเรา เราเห็นหนังสือแล้วจะทิ้งมั้ย! ถ้าเป็นเราไม่มีทางซะหรอกใครจะโง่ทิ้งหนังสือได้ ไม่มีใครเขาทิ้งหนังสือกันหรอก เรานี้คิดมากไปเองต่างหาก

“อริส ลูกเข้ามาทำอะไรในห้องทำงานแม่เนี้ย ก้มๆเงยๆกำลังหาอะไรอยู่หรือเปล่าลูก ”

“ อุ๊ย !....เปล่าค่ะแม่ แล้วแม่จะเข้ามาทำงานหรอคะ อืมมมม.... แม่คะ แม่ว่าถ้าแม่เจอหนังสือเล่มหนึ่งแล้วแม่จะทิ้งมันหรือเปล่าคะ”

“ จะทิ้งไปทำไมล่ะลูกหนังสือน่ะมีไว้อ่านไม่ใช่หรอ แม่ก็คงต้องรีบหยิบมันมาเปิดอ่านเลยล่ะ ”

“จริงหรอคะแม่ ดีจังเลยนะคะ แล้วแม่เป็นคนทำความสอาดห้องนี้ใช้ไหมคะ แล้วตอนแม่ทำความสอาดห้องนี้แม่เห็นหนังสืออะไรตกอยู่บนพื้นบ้างไหมค่ะ”

“เห็นซิจ๊ะ แม่เห็นหนังสืออะไรไม่รู้อยู่ใต้โต๊ะทำงานแม่เลยหยิบมันมาดู พอดีแม่เห็นมันเปิดไม่ออก แม่ก็เลยเอามันไปเก็บไว้ในห้องเก็บของหลายวันแล้วน่ะลูก ” แม่ยังไม่ทันพูดจบแต่ฉันรอไม่ไหวแล้วเลยรีบถามแม่ทันที

“ตอนนี้มันอยู่ไหนคะแม่ เอามันมาให้หนูดูหน่อยซิคะ”

“ ทิ้งไปแล้วจ๊ะ” น้ำเสียงที่หวานซาบซ้านนั้นมันช่างบาดใจลูกน้อยคนนี้ซะจริงๆ

“ แล้วแม่เอามันไปทิ้งทำไมล่ะคะ มันเป็นหนังสือไม่ใช่หรอ ”

“ ใช่จ๊ะ มันเป็นหนังสือ และก็เป็นหนังสือที่เก่ามากด้วย แถบมันก็ยังเปิดไม่ออกแม่ก็เลยเอามันไปทิ้งเรียบร้อยแล้ว ก็ในเมื่อเก็บไว้แล้วใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ทิ้งไปดีกว่า จะได้ไม่รกชั้นวางหนังสืออีก แค่ตอนนี้หนังสือเก่าๆของคุณปู่ก็เยอะจนแม่วางหนังสือแม่บ้างไม่ได้แล้ว ”

ใจดวงน้อยๆดวงนี้แถบสลาย แม่สุดที่รักทิ้งหนังสือเล่มนั้นไปแล้ว แม่ทำอย่างนี้แล้วหนูจะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้ ฉันจะทำยังไงได้ล่ะก็คงต้องออกตามหาหนังสือนั้นแล้วล่ะ ก็ไม่รู้ว่าแม่เอามันไปทิ้งที่ไหน

ฉันกับลุงฮีมิสส์ช่วยกันออกตามหาหนังสือเล่มนั้น คงไม่ต้องเล่านะคะว่า พอบอกว่าหนังสือนั้นฉันทำมันตกแล้วแม่ก็ได้ทิ้งมันไปแล้วคุณลุงฮิมิสส์จะทำหน้ายังไง คิดดูนะคะว่าหน้าโหดๆเหมือนอย่างกับยักษาอย่างลุงฮีมิสส์เวลาโกรธขึ้นมา จะน่าขนพองสยองเกล้าขนาดไหน แต่ฉันก็อาสาจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองลุงฮีมิสส์ก็มีสีหน้าที่พอจะทำให้เราหายสยองแต่กลับมาสยิวแทนยังไงไม่รู้ แล้วเราก็ต้องช่วยกันออกตามหามันจนแล้วก็ผ่านมาหลายวันจนต่างคนต่างท้อ เราออกหาทั้งในสวน และในป่า แต่เราก็ยังหาไม่เจอแม้แต่วี้แววใดๆทั้งสิ้น ฉันกลับลุงฮีมิสส์เลยเริ่มตัดใจ

คุณปู่คะ หนูขอโทษนะค่ะที่ไม่สามารถช่วยคุณปู่ได้ ฉันไปที่รูปปั้นของแซร์ร่า ฉันหวังว่าแซร์ร่าน่าจะช่วยส่งคำขอของฉันไปสู่คุณปู่ได้ ไม่ว่าท่านจะอยู่หรือเสียไปแล้วก็ตาม ส่วนลุงฮีมิสส์ก็เริ่มที่จะท้อในการจะค้นหาแล้วเหมือนกัน แต่ลุงก็ไม่ถอย ทุกครั้งที่ลุงว่างจากการทำงานฉันเห็นลุงฮีมิสส์มักจะชอบหลบเขาไปในป่า ฉันคิดว่าลุงฮีมิสส์น่าจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ที่ยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังอีกแน่ๆ วันหนึ่งฉันนั้นก็เห็นลุงฮีมิสส์เดินเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฉันเลยเดินตามเข้าไป แต่สิ่งที่ฉันเห็นก็คือ ลุงฮีมิสส์แอบมาหาหนังสือตำรานั้นเพียงคนเดียวเพราะเหตุผลที่ว่า อยากจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณปู่อดัม อยากจะทำให้สำเร็จไม่ว่าคุณปู่ท่านจะมีชีวิตอยู่หรือเสียไปแล้วก็ตาม ฉันเลยไม่ย้อท้อ ช่วยหาหนังสือเล่มนั้นต่อทันที เรามักจะแอบออกมาหามันบ่อยๆ จนเวลาผ่านไปหลายเดือน เราก็ยังหามันไม่เจอ โดยเฉพาะช่วงนี้เราจะออกมาบ่อยไม่ค่อยได้เพราะอีกไม่กี่วันก็เป็นวันคริสต์มาส ลุงฮีมิสส์ก็ต้องยุงอยู่แต่กับการเตรียมอาหารที่ต้องทำเลี้ยงแขกที่จะมาในวันงาน ส่วนตัวฉันเองก็ต้องยุ่งอยู่กับการตกแต่งบ้านกับพ่อแม่ จนเราไม่มีเวลาที่จะออกไปหามันได้เลย

และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันนี้เป็นวันคริสต์มาส ซึ่งฉันมีความสุขมาก วันนี้มีญาติพี่น้องเรารวมกันที่บ้านหลังนี้เช่นทุกปี ถึงแม้จะมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในการหาทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่สัญญาไว้กับคุณปู่ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะฉันยังเด็กอยู่เลย แล้วฉันคิดว่าวันนี้ฉันต้องได้ของขวัญจากซานต้าแน่ๆ ก็ฉันอุตสาห์ทำตัวเป็นเด็กดีมากๆแล้วนี้หน่า ตอนนี้ทุกคนเริ่มทยอยเข้ามาในงาน ฉันเข้าไปทักทายญาติผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายคุณพ่อและฝ่ายคุณแม่ วันนี้ถือเป็นวันรวมญาติวันหนึ่งเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณปู่ยังอยู่กับเรา ฉันและครอบครัว และญาติพี่น้องทุกคน ก็มารวมตัวกันที่นี้อยู่แล้ว จึงไม่หน้าแปลกที่วันนี้จะมีคนมาเยอะขนาดนี้ งานก็ดำเนินไปจนเสร็จสมบูรณ์โดยไม่มีอุปสรรคใดๆทั้งสิ้น ช่วงเวลาที่ฉันและพี่ๆน้องๆเด็กวัยเดียวกันกับฉันรอคอยก็มาถึงบ้านเราจะเปิดกล่องของขวัญก่อนเข้านอนเพราะแม่บอกว่า ของขวัญทุกชิ้นเป็นของขวัญที่ซานต้าเอามาให้แก่เด็กดีที่ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่และต้องเป็นเด็กดีที่รักษาสัญญา ถ้าเด็กคนไหนทำไม่ดีหรือดื้อกับพ่อแม่ซานต้าก็จะไม่ให้ของขวัญในวันนี้และจะเอาชื่อเราไปใส่ในสมุดเด็กดื้อ การที่เราเปิดของขวัญก่อนนอนจะทำให้ของขวัญที่ซานต้าให้นั้นเป็นดังที่ใจเราต้องการและซานต้าก็จะลงมาหาแล้วแสกให้ของขวัญนั้นมีชีวิต แต่ถึงฉันจะเป็นเด็กฉันก็ไม่เชื่อว่าของเล่นจะมีชีวิตขึ้นมาได้หรอกนะ

กล่องของขวัญของฉันตั้งอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสมันอยู่ลึกมาก แต่มันทำให้ฉันยิ่งอยากได้มันมากเช่นกัน ขนาดของกล่องดูมันใหญ่มากสำหรับฉัน เปิดแล้วนะ....

ตุ๊กตาแมว ! ในกล่องใบใหญ่มีตุ๊กตาแมว นอนอยู่ในกล่อง มันน่ารักมาก ฉันชอบมันมากเลย ซานต้ารู้ใจฉันอีกแล้วนั้นก็เหมือนกับทุกๆปีที่ถูกใจฉันแต่ปีนี้มันถูกใจฉันมาก ดูมันสิ น่ารักมาก ตัวมันมีสีน้ำตาลอ่อนๆ อุ้งมือและเท้าเป็นสีขาว ที่สำคัญตาของมันปรือด้วย ตามันกึ่งหลับกึ่งตื่นดูแล้วเหมือนมันอยากหลับอยู่ตลอดเวลาเลย ดูหน้าตามันทั้งน่ารักทั้งตลกยังไงไม่รู้ซิ

“ ไงนางฟ้าน้อยของพ่อ ชอบของขวัญที่ซานต้าให้มั้ยลูก ”

“ ชอบมากเลยคะพ่อ ไม่เสียแรงที่หนูสู้เป็นเด็กดีมาตลอด ”

“ แม่ว่าเด็กดีก็ต้องคู่กับของขวัญดีๆจริงมั้ย แต่ตอนนี้ดึกมากแล้วนางฟ้าตัวน้อยพาเจ้าแมวตาปรือไปนอนได้แล้วนะ ”

ฉันจะพาเจ้าไปนอนนะเจ้าแมวตาปรือ เจ้าจะได้หลับซักทีดูเจ้าง่วงๆ อยู่แล้วนี้ ก่อนเดินขึ้นห้องฉันได้ลาญาติพี่น้องและป้าๆอาๆทุกคนก่อนไปนอน จากนั้นฉันก็เดินขึ้นห้องนอนทันทีพร้อมกับแม่

“ หลับฝันดีนะลูก แม่หวังว่าคืนนี้ซานต้าจะมาหาลูกนะ ”

“ ฝันดีคะแม่ ” แม่ปิดไฟแล้วเดินออกไปจากห้องฉัน ฉันก็หวังนิดหน่อยนะว่าคืนนี้ซานต้าจะมาหาเพื่อเจ้าแมวตาปรือจะมีชีวิตขึ้นจริง

ฉันหาวยาวมากเพราะตอนนี้เริ่มง่วงจริงๆแล้วซินี้ เจ้าแมวน้อยเจ้านอนข้างๆฉันนะ แล้วถ้าซานต้ามาหาคืนนี้ปลุกฉันด้วยนะ ฉันนอนก่อนล่ะ ฝันดีนะเจ้าแมวตาปรือ

......... . ฉันรู้สึกว่าฉันหลับได้ซักพักก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้น

“ อริส .. อริส ... หลับแล้วหรอ ตื่นได้แล้ว อริส !!!! ”

“ คะแม่..แม่เรียกหนูมีอะไรคะ กำลังหลับสบายเลย แล้วทำไมแม่พอกหน้าสีน้ำตาลคะ ยังไม่นอนหรอคะแม่ ”

“ อริส นี้ฉันเอง ฉันเรียกเธอนานแล้วนะ เห็นมั้ยไม่ทันแล้วซานต้าจะไปแล้วนะ เธอตื่นขึ้นมาซักทีซิเดี๋ยวไม่ทัน ”

“ ใครจะไปแล้วหรอคะแม่ ”

“ ซานต้าจะไปแล้ว นั้นไงเขาไปแล้ว รอหน่อยซิท่านอย่าเพิ่งไป ” อะไรนะ!!!! ซานต้ามาหาฉันจริงๆหรอ ไหนซานต้า ไหนๆ ฉันกระโดดขึ้นออกมาจากเตียงแล้วมองไปที่หน้าต่าง

ว้าวววว...

จะ...จริงด้วย นั้น! ซานต้าตัวเป็นๆ เขามาหาเราจริงๆ ด้วย

“ ทำไมแม่ไม่เรียกหนูให้เร็วกว่านี้ล่ะคะ ........” มะ...แม่ ! แม่ ! แม่หายไปไหนแล้วล่ะ ?? แล้วนั้นเงาตัวอะไรนะอยู่หลังผ้าม่าน มีเงาประหลาดซ่อนอยู่หลังผ้าม่านฉันเดินไปแล้วก็เปิดมันออก

โถ่เอ้ย...นึกว่าอะไรเจ้าตุ๊กตาแมวตาปรือนี้เอง แล้วทำไมลงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ แล้วไม่เห็นว่าซานต้าจะมาทำให้ตุ๊กตาเป็นมีชีวิตได้เลย
“ อ้าว...แล้วนี้ฉันยังไม่มีชีวิตอีกหรอเนี้ย ” ตุ๊กตาแมวพูดขึ้นมา

“ ก็ใช้นะซิ .............” ฉันตอบไปอย่างไร่สติแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นเจ้าตุ๊กตาแมวพูดได้จริงๆ

“ เจ้าพูดได้ด้วยหรอ” เอาแล้วไงผีหลอกฉันเขาแล้ว จะบ้าหรอไงตุ๊กตาที่ไหนพูดได้ หรือมันเป็นตุ๊กตาผีสิง เจ้าตุ๊กตาแมวเดิมเข้ามาหาฉัน ไม่นะมันเดินเข้ามาไกล้ฉันแล้ว อย่านะ อย่าเข้ามา

“ จะกลัวฉันทำไม อริส ก็เธอขอให้ซานต้ามาชุบชีวิตฉันเองไม่ใช่หรอ ” ฉันมองไปที่เจ้าตุ๊กตาแมว อะไรกันเรื่องนี้มีจริงด้วยหรอ ซานต้าที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้นั้นที่มาหาฉัน มาเพื่อเสกเจ้าแมวตาปรือให้มีชีวิตขึ้นมาจริงหรอ แล้วถ้านี้คือเรื่องจริงฉันจะดีใจหรือเสียใจดีล่ะนี้

“ ซานต้าเสกฉันให้มาช่วยเธอ หาตำราชุบชีวิต ” เอ๋...รู้เรื่อง ตำราชุบชีวิตด้วยหรอ

“ เจ้าแมวตาปรือนายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไง ”

“ ก็พึงบอกไปว่าซานต้าบอกให้ฉันมาช่วยเธอไง เธอคงคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆนะ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แค่หาเจอก็จบแต่เธอยังต้องเอาชนะเจ้าแห่งความฝันที่ชั่วร้ายให้ได้ด้วย เพื่อรักษาโรคแห่งความฝันของทุกคนเอาไว้ ”

“ ฉันเข้าใจแล้ว ถึงแม้มันจะยังงงอยู่นิดๆ แล้วฉันจะเอาอะไรไปสู้กับเจ้าแห่งความฝันได้ล่ะแล้วต้องทำยังไงบ้าง อีกอย่างฉันเองก็ไม่ใช่เด็กที่มีความกล้ามากมายอะไรเลยนะ ”

“ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยเธอเอง แต่ตอนนี้เรื่องแรกที่ต้องทำคือไปหาตำรามาให้เจอก่อน และฉันรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ”

“ อย่างนั้นก็พาฉันไปเอามันมาเลยเร็วซิ ”

“ อริส เธอต้องไปคนเดียวฉันไปกับเธอไม่ได้นี้มันจะเช้าแล้ว ฉันจะมีชีวิตเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น อย่าลืมซิยังไงฉันก็เป็นแค่ตุ๊กตานะ ถ้าแม่เธอเห็นฉันเดินได้พูดได้เขาคงช๊อคตายแน่ ฉันจะบอกให้ว่ามันอยู่ที่ไหน ส่วนคืนนี้เธอก็นอนพักซะ พรุ่งนี้เช้าก็ค่อยหามันตกลงนะ แล้วเจอกันคืนพรุ่งนี้นะ ”

หลังจากที่เจ้าแมวตาปรือบอกที่อยู่ของหนังสือเล่มนั้นฉันก็ตกใจตื่นขึ้นมาทันที เรื่องทั้งหมดเป็นแค่ความฝันอีกแล้วหรอแต่ฝันครั้งนี้ทำไมมันดูเหมือนจริงจังล่ะ แต่ว่าไปแล้วตุ๊กตาที่ไหนจะมีชีวิตจริงขึ้นมาได้ ฉันหยิบเจ้าตุ๊กตาแมวขึ้นมาก็ดูมันปรกติดีนี้ มันยังคงทำตาปรือๆอยู่เลย

วันนี้ฉันก็ออกเดินหาตำราเล่มนั้นอีกครั้ง ระหว่างที่เดินฉันก็นึกถึงคำที่เจ้าแมวตาปรือบอกว่าตำราอยู่ใต้ต้นโอ๊คต้นใหญ่ต้นหนึ่งข้างน้ำตกในป่า ฉันจะลองเชื่อความฝันที่ดูเหมือนจริงนั้นซักครั้ง แต่พอฉันเดินมาถึง ฉันก็ต้องตกใจ เพราะตำราอยู่ที่นี้จริงๆ หรือว่าสิ่งที่ฉันเห็นทั้งหมดเมื่อคืนคือความจริง

“ ลุงฮีมิสส์คะ หนูพบตำราแล้วคะ ” ฉันวิ่งไปหาลุงฮีมิสส์ทันทีที่ได้มันมา

“ เอามาดูซิว่าใช่มันหรือเปล่า ” ลุงฮีมิสส์ถือหนังสือตำราเล่มนั้นไว้แน่น ดูเหมือนลุงจะดีใจมาก

“ ลุงเอากุญแจมาลองเปิดมันดูซิคะ ”

ลุงฮีมิสส์เอาลูกกุญแจที่แขวนไว้ที่คอออกมา ลุงกำมันไว้แน่นแล้วเสียบมันลงไปในหนังสือเล่มนั้น หนังสือเปิดออกเองโดยอัตโนมัติเป็นที่มหัศจรรย์มาก เมื่อหนังสือเปิดออกก็มีแสงสีเขียวส่องสว่างออกมาภายในหนังสือมีตัวอักษรมากมายเขียนไว้สลับกับรูปภาพอะไรบางอย่าง

“ นี้คือขั้นตอนการทำยาชุบชีวิต ตอนแรกลุงกับคุณท่านอดัมช่วยกันค้นหาตัวยานี้ขึ้นมาเพื่อจะช่วยคุณท่านอดัมเอง ตอนนั้นคุณท่านป่วยมากสามารถอยู่ได้อีกแค่ 5 ปี ท่านเป็นโรคที่รักษาไม่หายรอเพียงวันตายอย่างเดียว แต่ท่านยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เมื่อท่านไม่สารมารถหนีจากความตายได้ท่านเลยยอมตาย แล้วทำยาชุบชีวิตเพื่อจะฟี้นขึ้นมาใหม่ แต่จุดประสงค์ในตอนนี้ เราต้องทำมันขึ้นมาเพื่อชุบชีวิตแซร์ร่าแทน มันเป็นคำสั่งสุดท้ายของท่าน คุณหนูจะช่วยลุงไหมครับ ”

“ คะ หนูจะช่วยลุงเอง ”

ภายในตำราเล่นนี้มันบอกส่วนผสมทุกอย่างของการทำยาชุบชีวิตไว้ทั้งหมด 5 ชนิด

1. อิคนยูม็อน (Ichneumon) สัตว์ชนิดหนึ่งตระกูลพังพอน
2. ด๊อกวูท (Dogwoot) ไม้ชนิดหนึ่ง ดอกมีสีเขียวขาว
3. แจคกัล (Jackal) หมาซึ่งเป็นลูกน้อยของเสือ
4. น้ำจากแม่น้ำแห่งราชานาค
และ 5. เซนเดอร์โรส์น (Zenderrosn)………

ซึ่งส่วนผสมเกือบทุกอย่างคุณปู่ได้มีการผสมไว้เรียบร้อยแล้วขาดเพียงก็แต่อย่างสุดท้ายคือ เซนเดอร์โรส์น ซึ่งมีข้อความบางส่วนมันหายไปทำให้เราไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เซนเดอร์โรส์นมันมีหน้าตาอย่างไร เรารู้เพียงแต่ว่ามันก็คือดอกไม้ คุณปู่จึงลองเอาดอกไม้ทุกชนิดบนโลกมาลอง แต่ก็ไม่สำเร็จ ฉันคิดว่าฉันพอจะรู้ว่าจะหามันได้ที่ไหน

“ ลุงฮีมิสส์คะ หนูจะรับผิดชอบไปหา เซนเดอร์โรส์น มาเองคะ ”

My Dream Miracle ตอนที่ 2 ปริศนารูปปั้นหิน

บันทึกที่ 2
ปริศนารูปปั้นหิน

“ แฮ่ก.ๆ ๆ ๆ...นี้ก็เย็นมากแล้ว เราเดินกันมาตั้งแต่เช้าแล้วนะครับนายท่าน แล้วที่สำคัญเราเดินกันมาไกลมากแล้วนะครับ ผมว่าตอนนี้เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยออกมาใหม่พรุ่งนี้ดีกว่าไหมครับ ...ท่านอดัม ” ฮีมิสส์พูดกับอดัมด้วยความเป็นห่วง

“ ฮีมิสส์! นายก็รู้ว่าเรามีเวลาไม่มากนัก เราต้องหามันให้เจอ เราสู้ค้นหาและเก็บส่วนผสมทุกอย่างจนครบขาดเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้นทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ อย่าบ่นให้มากนักเลย นายเอาแต่บ่นอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่เราจะหาเจอล่ะ เอ้า !อย่ามัวแต่บ่น เรามาช่วยกันหามันดีกว่า” อดัมหัวเราะแล้วหันไปหาสิ่งนั้นทันที

“ นายท่านคิดจริงๆหรือครับว่ามันมีจริง ถึงแม้มีจริงแล้วพอเราหามันเจอ มันจะได้ผลจริงๆ เราใช้เวลาในการหามันมาหลายปีแล้วนะครับ ” ฮีมิสส์หันมาพูดกับอดัมด้วยสีหน้ากังวลมาก

“ แน่นอน มันต้องได้ผลซิ ! ฉันใช้ทั้งชีวิตเพื่อค้นหามัน มันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันมีชีวิตต่อไปได้ อย่าท้อสิฮีมิสส์ ตอนนี้เราขาดเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นนะฮีมิสส์”

“ ครับนายท่าน ผมจะสู้เพื่อนายท่าน ไงเราก็สู้กันมาจนขั้นสุดท้ายล่ะ หากันต่อเถอะครับ ” ฮีมิสส์เอามืดออกมาทำสัญลักษณ์ไว้ตลอดทางที่เดินมา ฮีมิสส์ทำเพื่อจะได้เป็นเครื่องชี้ทางเพื่อไม่ให้หลงป่า

เปรี้ยง !!!!! แปะ... แปะ... แปะ.... ซ่า....................

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นพร้อมสายฝนที่ตกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว ลมพายุโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างหนัก ต้นไม้ใบหญ้าในป่าโอนเอนไปมาดูหน้ากลัว ตอนนี้ท้องฟ้าดูมืดคลึ่มดำสนิทยิ่งทำให้บรรยากาศในตอนนี้ดูน่าขนลุกอย่างหน้าแปลกใจ

“ ฝนตก ! ตกได้ยังไงกัน ก่อนออกมาก็ตรวจสภาพอากาศแล้วนี้ วันนี้ไม่น่าจะมีฝนตกได้นะ” อดัมพูดด้วยสีหน้าที่แปลกใจมาก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูร้อน และเขาก็ได้ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเข้าป่าทุกครั้ง มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่อดัมจะแสดงสีหน้าประหลาดใจได้มากเช่นนั้น

“ ถ้ำครับคุณท่าน นั้น! อยู่หลังน้ำตกเราเข้าไปหลบฝนกันก่อนดีกว่าครับ”

ทั้งสองวิ่งผ่านสายฝนเข้าไปในถ้ำเล็กๆที่อยู่ด้านหลังน้ำตกทั้นที ภายในนั้นอากาศเย็นเฉียบ อากาศอับชื้น แต่กลับมีกลิ่นหอมพัดมาเป็นระยะๆ

“ ฝนดูท่าแล้วน่าจะหยุดยากนะครับนายท่าน ถ้ำนี้น่าจะเป็นที่พักให้เราได้จนถึงเช้านะครับ ” ฮีมิสส์มองหน้าเจ้านายของตนด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเขาเริ่มมองไปรอบๆบริเวณถ้ำใต้น้ำตก กลิ่นหอมนั้นได้ลอยมาอีกเป็นระรอบทำให้ทั้งสองสอดสายตาไปทางที่กลิ่นนั้นพัดมา อดัมสังเกตุเห็นแสงไฟส่องประกายสว่างออกมาจากช่องเล็กๆ ในถ้ำแห่งนี้ ทั้งสองเดินเข้าไปไกล้ๆ ก็ต้องตกใจในสิ่งที่เห็น

“ ฮะ.... ฮี....ฮีมิสส์ นั้น ! เห็นอย่างที่ฉันเห็นไหม ”

“ หะ..เห็น ครับนายท่าน ดูมันซิครับมันสวยงามมากเลยครับ”

ภาพที่ปรากฎต่อหน้าของคนทั้ง 2นั้น คือ ม้ายูนิคอร์นสีขาวตัวใหญ่ มีดวงตาดำสนิท กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นถ้ำ ขนสีขาวด้านบนตัวของยูนิคอร์นเมื่อส่องประกายออกมาจะกระทบกับละอองน้ำในถ้ำทำให้เมื่อเกิดการหักเหของแสงเกิดเป็นละอองสายรุ้งฟุ่งกระจายล้อมรอบตัวของมัน

“ ดูมันซิฮีมิสส์ ตัวมันใหญ่มาก ฉันไม่เคยเห็นสัตว์อะไรที่สวยขนาดนี้มาก่อน” อดัมเขยิบเข้ามาไกล้ๆมัน

“ นี้มันยูนิคอร์นนี้ฮีมิสส์! ตามตำนานมันเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ลงไปในยุคสมัยของโนอาร์แล้วไม่ใช่หรอ ” อดัมเดินเข้าไปยืนข้างๆ ยูนิคอร์นตัวนั้นอย่างสนอกสนใจมาก เจ้าม้ายูนิคอร์นคงเกิดอาการตกใจ มันพยายามลุกขึ้น แต่.. อดัมก็ได้สังเกตเห็นว่าเจ้ายูนิคอร์นตัวนี้มันมีเลือดไหลออกมาอย่างมาก มันกำลังเจ็บปวด ! เลือดของมันมีสีเขียวมรกตไหลออกมาไม่ยอมหยุด นอกจากนั้นเขายังสังเกตเห็นว่าเขาของยูนิคอร์นที่อยู่บนหัวตรงกลางหน้าผากนั้นเริ่มกลายเป็นสีแดงกล่ำ เหมือนเลือดคน

“ เจ้านาย !!! ดูนี้ซิครับ มันมีลูกด้วยครับ ” ฮีมิสส์ชี้ให้อดัมดูหลังก้อนหินที่เจ้ายูนิคอร์นน้อยหลบอยู่

“ ไหนดูซิ ! กลิ่นหอมที่เราได้กลิ่นมาจากเจ้าตัวเล็กนี้ซินะ แม่มันเลือดไหลออกมามากกขณะคลอดเจ้าตัวเล็กนี้แน่ๆ ” ฮีมิสส์อุ้มมันขึ้น อดัมรีบมองไปในอ้อมแขนของฮีมิสส์ทันที เขาก็เห็นลูกยูนิคอร์นตัวหนึ่งนอนหลับปุ๋ยอยู่ ใช่!.มันปลอดภัย แถบดูมันแข็งแรงมากด้วย มันมีลำตัวสีขาวสะอาด ตาสีฟ้าใส ปีกของเจ้ายูนิคอร์นน้อยนั้นแปล่งประกายเจิดจ้า เหมือนกับเขาที่หัวของมันเปล่งประกายเป็นสีชมพูอ่อนๆระยิบระยับเหมือนมีเพรชประดับอยู่โดยรอบเช่นกัน

“ เราต้องช่วยแม่มันก่อนนะฮีมิสส์ ในกระเป๋ามีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอยู่ หยิบมันออกมาให้ฉันห้ามเลือดมันก่อนเร็ว ”

ทั้ง 2 ได้พยายามช่วยชีวิตแม่ของยูนิคอร์นน้อยไว้อย่างเต็มที่ แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง หนึ่งชีวิตเกิดใหม่ แต่ทำให้อีกหนึ่งชีวิตต้องจากโลกนี้ไป เมื่อเขาที่อยู่บนหัวของแม่ยูนิคอร์นน้อยเปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีดำ มันก็ได้เสียชีวิตร่างกายของมันก็กลับกลายเป็นรูปปั้นหินโดยทันที ตามตำนานของยูนิคอร์น ยูนิคอร์นสามารถตั้งท้องนานถึงเป็นเวลา9ปี แล้วจึงคลอดลูกออกมา เมื่อใดที่คลอดลูกยูนิคอร์นตัวแม่จะต้องเสียชีวิตไป จะต้องกลายเป็นรูปปั้นหินไปในที่สุด

“ นายท่าน !!! เจ้ายูนิคอร์นน้อยเริ่มมีอาการแปลกๆครับ ตัวมันสั่นมากเลยครับ แถมมันยังเอาแต่วิ่งไปที่หินเอาเขาบนหัวมันทิ่มไปที่รูปปั้นหินแม่ของมันใหญ่เลยครับ เหมือนมันกำลังปลุกให้แม่มันมีชีวิตต่อไปนะครับ ”

“ ก็คงเป็นสัญชาตญาณของความผูกผันของแม่กับลูก แม่มันตายมันคงเสียใจมาก ฮีมิสส์! ฉันว่าจะเอามันไปเลี้ยง นายว่าดีไหม ”

“ เป็นความคิดที่ดีครับนายท่าน ” ฮีมิสส์มองไปที่เจ้าลูกยูนิคอร์นน้อยเขาของมันเริ่มเปลี่ยนสี “ นายท่าน ! สังเกตที่เขาของมันซิครับ ดูมันหมองๆ นะครับ ”

“ ฉันว่าไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ฮีมิสส์ออกไปดูซิว่าตอนนี้ฝนหยุดแล้วหรือยัง เราต้องรีบกลับบ้านกันแล้วล่ะ ”

ฮีมิสส์วิ่งไปหน้าปากถ้ำทันทีหลังได้รับคำสั่ง ฝนหยุดตกแล้วแต่ตอนนี้ดึกมากมากซะจนไม่สามารถมองเห็นทางได้เลย
“ นายท่านครับฝนหยุดตกแล้วครับ แต่เราคงต้องพักที่นี้ซักคืนแล้วพรุ่งนี้เช้าเราค่อยเดินทางกลับบ้านดีกว่าครับ เพราะนี้ก็มืดจนมองไม่เห็นแล้ว”

“ ฮิมิสส์แล้วเจ้ายูนิคอร์นน้อยตัวนี้ล่ะ ดูมันอาการไม่ค่อยดีเลยฉันกลัวว่าเราจะช่วยมันไม่ได้อีก เหมือนแม่ของมัน เอาเถอะ ... ฉันได้แต่ขออย่าให้มันเป็นอะไรไปเลยนะ” อดัมสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยคุ้มครองเพื่อไม่ให้เจ้ายูนิคอร์นน้อยเป็นอะไรไป

ถึงแม้จะไม่ได้กลับบ้านในคืนนี้ แต่ทั้ง 2 ก็ไม่ได้นอนเลยแต่อย่างใด ต่างช่วยกันดูแลเจ้ายูนิคอร์นตัวน้อยอย่างประคบประหนม เพราะกลัวว่ามันจะทำลายตัวเองอีก อดัมนั้งกอดยูนิคอร์นน้อยแล้วคอยสังเกตอาการของมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้อดัมเริ่มรู้สึกรักและผูกพันกับเจ้ายูนิคอร์นน้อยตัวนี้มาก

……รุ่งเช้า…….

ท้องฟ้าสดใสสายรุ้งทอดยาวมาหน้าปากถ้ำ แสงแดดอ่อนๆส่องสว่างเข้ามาในตัวถ้ำอย่างช้าๆ

“ ฮ้าววว....เช้าแล้ว เราเริ่มมองเห็นทางเดินแล้ว ฮีมิสส์เราออกเดินทางกลับบ้านกันเลยดีกว่า ดูซิเจ้ายูนิคอร์นน้อยยังหลับปุ๋ยอยู่เลย ”

ทั้ง 2 พายูนิคอร์นน้อยเดินออกจากถ้ำโดยทันที พวกเขาได้เดินกลับไปตามทางที่ฮีมิสส์ได้ทำสัญลักษ์เอาไว้ การออกป่าในครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั้งสิ่งที่ต้องทำ และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ระหว่างทางกลับบ้าน ทั้งสองได้แต่เงียบแล้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตารีบเดินไปให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด

ไม่ช้า พวกเขาก็เดินมาถึงบ้านในที่สุด เวลาผ่านมาแค่คืนเดียวกับช่วงเวลาที่ไม่นานมากนัก เจ้ายูนิคอร์นน้อยได้ตัวโตและใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ ฮีมิสส์ว่าเราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีล่ะ ”

“ ชื่อ.... พอลร่าไงครับเจ้านาย เพราะมันเป็นตัวเมีย ชื่อก็ต้องให้ดูเป็นตัวเมียหน่อยว่าดีไหมครับ ”

“ พอลร่า เหรอ... ฉันว่ามันก็ดีนะ ” อดัมมองไปที่ยูนิคอร์นน้อย เอามือลูบไปที่ลำตัวของมัน

“ ว่าไง ยูนิคอร์นน้อยชอบไหม ฉันจะเรียกเจ้าว่า พอลร่านะ ” เจ้ายูนิคอร์นน้อยทำท่าทางเหมือนไม่ชอบชื่อนี้เอาซะเลย มันสายหน้าไปมาเหมือนฟังอดัมรู้เรื่อง

“ มันคงไม่ชอบชื่อนี้นะฮีมิสส์ เอาคิดใหม่ซิ! ”

“ งั้น เอาชื่อว่า แซร์ร่ามูนมั้ยครับ ผมว่าลำตัวมันมีแสงส่องประกายอยู่ตลอดเวลาเหมือนดวงจันทร์นะครับ ดีมั้ย? ”

“ ฉันว่าชื่อนี้ก็ดีนะ แต่...มันยาวไปมั้ย? เอางี้ล่ะกัน เราเรียกมันว่าแซร์ร่าเฉยๆดีกว่านะ ชอบมั้ยแซร์ร่า ”

“ ดูเหมือนมันจะชอบชื่อนี้นะ ดูมันซิกางปีกกระพือใหญ่เลย ” เจ้าแซร์ร่าท่าทางดีใจกับชื่อใหม่นี้ มันกระโดดไปมา ดูเหมือนว่ามันจะลืมเรื่องแม่มันไปแล้วแน่ๆ เพราะตอนนี้เหมือนว่ามันจะคิดว่าอดัมเป็นแม่ของมันไปซะแล้ว

ตั้งแต่เจ้าแซร์ร่ายูนิคอร์นตัวน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ อดัมดูจะมีความสุขมากเข้าทิ้งการทุกอย่างวันๆเอาแต่เล่นและดูแลเจ้าแซร์ร่าซึ่งเจ้าแซร์ร่าเองก็โตขึ้นทุกวัน จน...กระทั้งวันหนึ่ง

“ นายท่านครับ.... อยู่ไหนครับ? นายท่าน... ” ฮีมิสส์ออกตามหาอดัมทุกซอกทุกมุมของบ้าน ก็ไม่เจอทำให้ฮีมิสส์กังวลมาก
เพร้ง!!! มีเสียงดังมาจากหลังบ้าน

“ ใครน่ะ ? ใครอยู่ตรงนั้น ” ฮีมิสส์ได้ยินเสียงกระถางต้นไม้แตก เขาจึงรีบเดินออกไปดูทันที

“ ชะ..ช่วยด้วย ชะ...ชะ...ช่วย ฉันด้วย ฮีมิสส์ ” ชายที่อยู่ตรงหน้าฮีมิสส์คืออดัม ร่างของเขาสลบอยู่บนพื้น ฮีมิสส์เห็นดังนั้นจึงรีบนำร่างของอดัมเข้าบ้านทันที

“ คุณท่านครับ ! คุณท่าน ! เป็นอะไรไปครับ ” ฮีมิสส์เอายาดมมาให้อดัมเพื่อหวังว่าอดัมคงฟื้นในไม่ช้า

“ อืออออ ....”

“ คุณท่านฟื้นแล้ว! ผมนึกว่าจะต้องเสียท่านไปซะแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ท่านหายไปไหนมาครับ แล้วแซร์ร่าล่ะครับท่าน ”

“ ฮีมิสส์ นายยังจำตำราชุบชีวิตเล่มนั้น ที่เราตั้งใจทำตามทุกขั้นตอนเพื่อสกัดยาชุบชีวิตได้หรือเปล่า ”

“ จำได้ครับท่านอดัม ”

“ มันเป็นตำราที่ฉันตั้งใจจะใช้ในการชุบชีวิตตัวเองเมื่อฉันตาย เพราะฉันมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 5 ปี เราช่วยกันพยายามค้นหาทุกส่วนผสมจากทุกหนทุกแห่ง จนถึงส่วนผสมอย่างสุดท้าย ซึ่งเราสองคนก็ออกตามหามาหลายปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าส่วนผสมอย่างสุดท้ายอยู่ที่ไหน ฉันจึงออกป่าอีกครั้งเพื่อค้นหามัน ฉันขี่เจ้าแซร์ร่าบินไปในถ้ำแห่งหนึ่งแห่งหนึ่ง มันอยู่หลังเชิงเขาฝังนู้น พอเข้าไปในถ้ำฉันพบหีบใบหนึ่ง ฉันคิดว่า สิ่งนั้นมันต้องอยู่ในหีบนี้แน่ๆ พอฉันเปิดหีบออก ฉันกับแซร์ร่าก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองหลับไป พอรู้สึกตัวก็ไม่รู้ว่าไปโผล่ที่ไหน ที่นั้นทุกอย่างถูกปรกคลุมไปด้วยหิมะขาวไปหมด ฉันออกเดินต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับแซร์ร่า ที่นั้นหนาวมากจนแซร์ร่าไม่สามารถที่จะบินได้ แต่พอเราเดินไปได้ซักพักใหญ่น้ำแข็งนั้นก็ค่อยๆละลาย แล้วก็กลายเป็นพื้นทะเลทรายทันที นายรู้ไหมว่าช่วงเวลาที่ฉันอาศัยอยู่นั้นมันยาวนานเหลือเกิน จนวันหนึ่งฉันกับแซร์ร่าออกเดินหาอาหาร ฉันก็ได้พบกับสิ่งนั้นที่เราเฝ้าค้นหามานานหลายปีมันอยู่ที่นั้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้เก็บมันมา มีอสุรกายตนหนึ่งมันเข้าโจมตีแซร์ร่าอย่างหนักจนบาดเจ็บมาก ตอนนั้นฉันหันไปเห็นกระจกเก่าบานหนึ่งหวังว่าจะเอามันมาเป็นอุปกรณ์ในการช่วยแซร์ร่าในการต่อสู้กับเจ้าอสูรตนนั้น แต่พอฉันแค่สัมผัสมัน ฉันก็เหมือนถูกดูดเขามาอยู่ในถ้ำหลังเชิงเขาอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหนื่อยมากจนฉันหมดแรงสลบลงไปบนพื้นทันที พอรู้สึกตัวขึ้น ฉันก็ไม่เห็นแซร์ร่า มันไม่ได้กลับมาพร้อมกับฉัน ฉันจึงจะกลับไปที่นั้นอีกครั้ง ฉันพยายามไปที่หีบใบนั้นอีกรอบ แต่.. หีบนั้นถูกเปิดออกแล้ว ทำให้ไม่สามารถที่จะกลับไปได้อีก ฉันทำอะไรไม่ถูกจึงเดินกลับมาบ้านหวังว่าจะหาหนทางกลับไปที่นั้นได้อีกครั้งเพื่อช่วยแซร์ร่า เพราะฉันแท้ๆเลยเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันต้องบาดเจ็บ แล้วติดอยู่ที่นั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ”

“ คืนนี้ผมว่าท่านอดัมนอนพักให้เต็มที่ก่อนเถอะครับ แล้วพอท่านอาการดีขึ้นเราค่อยออกตามหาแซร์ร่าก็ยังไม่สายนะครับท่าน ผมว่ามันต้องไม่เป็นอะไรหรอกครับ เชื่อผม ”

“ ขอบใจมากนะฮีมิสส์ นายไปพักผ่อนเถอะไม่ต้องห่วงฉัน ”

คืนนั้นดูเหมือนว่าทุกอย่างราบรื่นดี แต่ขณะที่ฮีมิสส์หลับแต่อดัมไม่หลับเขาเอาแต่คิดหาวิธีที่จะกลับไปช่วยแซร์ร่า คืนนั้นเองเขาก็ตัดสินใจที่จะกลับไปที่นั้นอีก แล้วหนีออกจากบ้านโดยทันที

..... เช้ารุ่งขึ้น .....

ฮีมิสส์เดินเข้ามาในห้องอดัมเพื่อหวังว่าจะมาดูแลในเช้านี้ แต่เขาก็ต้องเสียใจที่ไม่เห็นอดัมอยู่ในห้องแล้ว เขาได้แต่มองไปรอบๆห้อง แล้วคิดจะออกไปตามหาอดัมโดยที่ว่า ไม่ว่าอะไรมาขวางก็ไม่อยู่ เขาตัดสินใจออกไปที่ถ้ำหลังเชิงเขาในป่าที่อดัมเล่าให้ฟังทันที แต่สิ่งที่เขาเห็นในถ้ำนั้นคือ รูปปั้นหิน !

เมื่อฮีมิสส์เข้าไปไกล้ๆ รูปปั้นหิน สิ่งที่เขาเห็นนั้นกลับกลายเป็น แซร์ร่า ! แต่ฮีมิสส์ก็ไม่พบอดัมแต่อย่างใด มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งที่วางอยู่ตรงหน้า

วันนี้มีนิยาย มาให้อ่าน My Dream Miracle ตอนที่ 1 สวัสดีบ้านใหม่

บันทึกที่ 1
สวัสดีบ้านใหม่

คุณเชื่อเรื่องฝันที่เป็นจริงหรือเปล่า ?

คุณเคยหลับแล้วฝันว่าได้ไปในดินแดนที่มีทุกสิ่งที่คุณต้องการและสิ่งที่เหลือเชื่อมารวมอยู่ด้วยกันหรือไม่ เคยคิดไหมว่าตนเองจะได้เจอกับอสุรกายที่น่ากลัวพร้อมบรรดาสัตว์ที่คุณเกรียดนักหนามารวมกันเป็นกองทัพ หมู่นางฟ้าแห่งจินตนาการ มีเพื่อนซื้เป็นตุ๊กตา และที่สำคัญคุณได้เป็นเจ้าหญิง ซึ่งแน่นอนในความฝันของหญิงสาวทุกคนย่อมอยากมีเจ้าชายที่แสนจะเพรียบพร้อม มาเคียงข้างเป็นแน่แท้

แต่ถ้าเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันไม่ได้เป็นแค่ความฝันล่ะ มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโลกที่ทับซ้อนกับโลกที่เราอาศัยอยู่ เป็นดินแดนที่รอคุณอยู่ รอคุณเพื่อไปช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นรอดพ้นจากอะไรบ้างอย่างโดยตัวคุณเป็นคนดำเนินเรื่องราวทั้งหมดตัวละครเกิดจากความรักและความกลัวพร้อมทั้งจิตนาการของคุณเอง คุณเชื่อมั้ย?ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่โลกแห่งความเพ้อฝัน แต่.. เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นกับตัวฉัน

ฉันชื่อว่า อริส เบล์วตั้น ตอนนั้นฉันอายุได้ 11 ขวบ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงยุคสงครามเย็น เกิดเหตุการณ์มากมายในตอนนั้นแต่สำหรับเด็กน้อยตัวเล็กผมดำสนิทอย่างฉัน ฉันคิดแต่เรื่องที่ครอบครัวเรากำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่เท่านั้น

บ้านใหม่ที่เราจะย้ายเข้าไปมาอยู่นั้นเป็นบ้านในชนบท แม็ตต์พ่อของฉันได้บ้านหลังนี้มาจากอดัมคุณปู่ของฉันที่ได้เสียชีวิตไปแล้วแต่เพราะกลัวว่าบ้านจะโทรมรวมถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้พ่อต้องย้ายมาอยู่ที่นี้ แต่ก็ไม่มีใครยอมบอกว่าปู่ได้เสียชีวิตไปเพราะอะไร พวกเขาอ้างว่าฉันยังเด็กไม่ควรรู้เรื่องนี้

“ บ้านใครเนี้ยสวยจังเลย! ” ภาพข้างหน้าฉันตอนนี้เป็นบ้านสองชั้นที่ใหญ่มีอาณาเขตกว้างขวางสวยงามมาก

“ นี้คือบ้านของหลานไงจ๊ะ” มีชายชรามายืนข้างตัวฉันจับมือฉันแน่นเขายิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น สายตาที่อ่อนโยน น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจมาก แต่บ้านหลังที่ฉันเห็นนี้คือบ้านของฉันจริงเหรอ ถ้าจริงก็ดีซินะ

ปี๊นนนนนนน!!!!!!!!! เสียงแตร์รถดังขึ้นพร้อมกับเสียงของพ่อ

“ ตื่นได้แล้วนางฟ้าของพ่อ เรามาถึงแล้ว ”

นี้ฉันหลับบนรถไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คนบนรถทั้งพ่อและแม่ต่างพากันหัวเราะฉัน ฉันค่อยๆเดินลงจากรถเก๋งสีดำ มีบ้านหลังโตตั้งอยู่ด้านหน้า บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นถึงแม้จะปล่อยทิ้งไว้นานแต่สภาพมันยังคงสวยมาก บ้านหลังนี้มีอาณาเขตกว้างขวาง หน้าบ้านมีรูปปั้นนักรบและสาวสวยถูกผันไปด้วยไม้เลื้อยสีม่วงสลับสีเขียวดูสวยงามแกมสกปรก มีสระน้ำเก่าๆอยู่หลังบ้านขอบๆสระเต็มไปด้วยสาหร่ายสีเขียวเกาะเต็มไปหมดในสระยังคงมีน้ำอยู่ก้นสระเล็กน้อย บ้านหลังนี้ไม่มีรั้วล้อมรอบแต่อย่างใด มีเพียงพันธุ์ไม้ที่ถูกดัดและจัดเป็นพุ่มๆ กั้นให้เห็นว่าเป็นอาณาเขตของบ้านเท่านั้น บ้านหลังนี้เหมือนในความฝันของฉันมาก

“ อริส มาช่วยแม่ยกของไปเก็บในห้องทำงานแม่หน่อยซิลูก “ เสียงของเอรอนแม่ของฉันเรียกฉันให้เอากล่องสีดำใบหนึ่งใบใหญ่พอที่ถ้าถือไม่ดีก็สามารถทับเท้าฉันให้เจ็บได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้านในมีหนังสือปกแข็งประมาณ 2-3 เล่มแต่ว่าแต่ละเล่มนั้นหนาประมาณ 5 นิ้วเลยทีเดียวฉันก็หวังว่ามันจะไม่หล่นมาก่อนถึงห้องทำงานแม่หรอกนะ

ในที่สุดฉันก็แบกกล่องนี้มาถึงโต๊ะทำงานแม่จนได้ คงไม่มีใครว่าหรอกนะถ้าฉันจะบ่นกับตัวเองซักหน่อย ห้องนี้เป็นห้องทำงานของแม่ฉัน แม่จำเป็นต้องมีห้องทำงานส่วนตัวเพราะแม่เป็นนักเขียนหนังสือแม่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องนี้ ดูเหมือนห้องนี้ก็น่าจะเป็นห้องทำงานของคุณปู่มาก่อนแน่ๆ ฉันสังเกตุเห็นผ้าสีขาวผืนใหญ่ดูเหมือนว่ามันกำลังคลุมอะไรบางอย่างอยู่เหมือนตู้ แต่มันใหญ่และสูงเกินกว่าจะเป็นตู้ไปได้ ฉันดึงผ้าสีขาวผืนใหญ่ออก ฝุ่นฟุ่งกระจายไปทั่วห้องผ้าโบกสบัดมาคลุมตัวฉันไว้มิด พอฉันมุดออกมาจากผ้าแล้วเงยหน้าขึ้นก็พบกับชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่มหึมามีหนังสือเป็นหลายพันเล่มถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบไม่มีฝุ่นเกาะเลยซักนิด

บนชั้นวางหนังสือมีหนังสือเก่าๆอยู่หลายเล่มแต่สภาพมันยังดูดีอยู่เลย คุณปู่คงรักหนังสือของท่านมาก ดูซิว่ามีหนังสือให้เราเอาไปอ่านได้บ้างหรือเปล่า แล้วฉันก็หยิบหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่ามาดู แต่ก็มีแต่หนังสือที่ฉันอ่านไม่เข้าใจเลยซักเล่ม บ้างเล่มก็มีสูตรอะไรไม่รู้น่าปวดหัว ไม่เห็นมีหนังสือตลกหรือนิทานเลยแม้แต่เล่มเดียว

เอ๊ะ! นี้มันหนังสืออะไรเนี้ย ปกสวยมากเลย แต่ดูมันเก่ามากแถมมันต้องใช้กุญแจในการเปิดด้วย แล้วเราจะเอากุญแจจากที่ไหนล่ะ

โคร๊มมมมมม !!!!!! .......

โอ้ยยยย !!.. เจ็บก้นจัง ขาเก้าอี้ดันมาหักอะไรเอาตอนนี้ ยังไม่เห็นว่าเก้าอี้มันจะเก่ามากเลยนะ เราแค่หันซ้ายหันขวานิดเดียวเองแท้ๆ ซี๊ดดด. อยากร้องไห้จังแต่เราดันล้มเองนี้ ไม่มีใครทำเราซักหน่อย ถ้าร้องไห้เดี๋ยวแม่ก็ต้องมา โดนหัวเราะเยาะแย่เลย ฉันได้แต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่ขำตัวเอง พอรู้สึกตัวว่าดีขึ้นฉันก็มองหาหนังสือเล่มนั้น หวังว่ามันคงจะไม่หล่นไปไหนไกลนะ แต่ในที่สุดฉันก็หามันไม่เจอ ไม่เป็นไรค่อยมาหาใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันอยากไปที่ห้องนอนของฉันเต็มทีแล้วล่ะ และยังมีที่อีกหลายห้องที่รอให้ฉันไปสำรวจในบ้านหลังนี้อีก

ฉันเริ่มออกเดินสำรวจภายในบริเวณบ้านโดยรอบ ก่อนอื่นต้องห้องนอนของฉันก่อน พอมาถึง ก็ต้องร้องว้าวววว.. ก็เพราะว่าห้องนี้ใหญ่อย่างกลับห้องรับแขกเลย แม่ให้คนมาจัดห้องให้เป็นสีชมพูทั่วทั้งห้อง เตียงนี้ก็นุ่มมาก เหมือนได้นอนบนปุยนุ่นเลย ชักเริ่มง่วงแล้วซิ ขอหลับซักตื่นแล้วค่อยไปสำรวจต่อที่อื่นก็ได้ว่ามั้ย? พอหัวถึงหมอนปั๊บฉันก็หลับเป็นตายทำไมห้องใหม่มันถึงทำให้ฉันง่วงได้ซะขนาดนี้นะ

“ อริส เรารอเธออยู่ ............ มาช่วยพวกเราด้วย มีเพียงเธอเท่านั้น” เสียงลึกลับดังผ่านสายลมแทรกอากาศมาหาฉัน

“ เสียงใครน่ะ ! รอฉันด้วย ..” แล้วที่นี้ที่ไหนทำไมมันมีแต่หมอกสีแดงอย่างนี้ล่ะ อย่ามาแกล้งกันนะฉันเริ่มกลัวแล้วนะรู้มั้ย

“ พวกคุณเป็นใครกันแล้วจะให้ฉันช่วยอะไรพวกคุณกันล่ะคะ” ฉันตะโกนไปทางเสียงนั้น แล้วฉันก็เดินตามเสียงนั้นผ่านกลุ่มหมอกสีแดง สีของมันแดงอย่างกับเลือด ฉันเดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเจอรูปปั้น หญิงสาวตนหนึ่ง เธอดูเหมือนเจ้าหญิง บริเวณที่เธออยู่หมอกสีแดงโดนกั้นโดยพุ่มไม้ที่โค้งงอเหมือนกรงที่จองจำเจ้าหญิงไว้ สีหน้าของนางนั้นดูเศร้ามาก

“ เสียงของคุณหรือเปล่าคะ ? แล้วหนูสามารถช่วยคุณได้มั้ย ” ทำไมเมื่อฉันเห็นเจ้าหญิงแล้วฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันรู้จักนางรู้จักเป็นอย่างดีด้วย ฉันอยากจะช่วยเจ้าหญิงมาก แต่ตอนนี้ฉันเองก็เริ่มจะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นโดยไม่มีสาเหต มากด้วย ฉันเลยตัดสินใจเดินเข้าไปไกล้พุ่มไม้นั้น แต่อยู่ดีดีพุ่มไม้ก็หายไปพร้อมกับเจ้าหญิงก็ได้มลายกลายเป็นนกแล้วบินจากไปพร้อมกับพุ่มไม้ มีแสงจ้าเกิดขึ้นปรากฏห้องๆหนึ่งขึ้นต่อหน้าฉัน ฉันเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที เพราะตอนนี้ฉันเริ่มเจ็บตรงหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายใจไม่ออกแล้ว พอเข้ามาภายในห้องต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิงภายในนี้ไม่มีหมอกควันเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีกลิ่นหอมของมวลดอกไม้นานาชนิด ฉันเริ่มรู้สึกดีขึ้น ทำไมในห้องนี้มันถึงได้ทำให้เรารู้สึกดีอย่างนี้

“ ไง ! ดีขึ้นมากเลยใช้มั้ยเจ้าหญิงอริส ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้กลิ่นอะไรรักษาพระองค์ได้ แต่พระองค์ก็ชอบมันใช้มั้ย” เสียงของชายแปลกหน้า หน้าตาดูดุร้าย ตัวอ้วนเตี้ย โพล่ออกมาจากกำแพงห้อง เขาเป็นใครกันทำไมแต่งตัวคล้ายกุ๊กทำอาหาร แต่มีหูฟังชีพจรของหมอคล้องคอเขาอยู่ แต่น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าเขาน่าจะมาดีและต้องเป็นคนดีแน่ๆ

“ คุณเป็นใครคะ? คุณลุงเป็นเจ้าของห้องนี้หรอคะ แล้วที่นี้ที่ไหนคะ หนูมาที่นี้ได้อย่างไร อุ๊บบบบ!! ” เชอร์รี่สีแดงฉ่ำมาปรากฎอยู่ในปากฉันได้ไงกัน ฉันคงถามเยอะไป อยู่ดีดีก็มีเชอร์รี่มาอยู่ในปาก พอมองไปตรงด้านหน้าก็ปรากฎโต๊ะอาหารขนาดใหญ่มโหราฬ บนโต๊ะมีอาหารจัดวางไว้มากมาย สังเกตดีดี.. นี้มันอาหารที่ฉันชอบทุกอย่างเลยนี้!

“ ทานให้อร่อยนะครับ” พอชายแปลกหน้าพูดจบเขาก็จะเดินกลับเข้าไปในกำแพงที่เขาออกมาก่อนหน้านี้

“ เดี๋ยวก่อนซิ ” ฉันรีบวิ่งไปดักไม่ให้เขาไปไหนจะไปได้ไงเรายังไม่รู้เรื่องไรเลยนะ

“ ผมไม่มีหน้าที่ที่จะเล่าอะไรให้เจ้าหญิงฟังได้ครับ มีหน้าที่แค่มารักษาและทำให้เจ้าหญิงมีความสุขที่สุดก็เท่านั้น” ชายแปลกหน้าพยายามจะไปแต่ฉันก็ไม่ยอมหรอก ฉันเดินไปขวางหน้าเขาแล้วถามว่า

“ แล้วคุณลุงเป็นใครหรอคะ แล้วทำไมต้องเรียกหนูว่าเจ้าหญิงด้วยล่ะ ถ้าไม่อยากเล่าหรือบอกอะไรก็ไม่เป็นไรแต่บอกชื่อคุณลุงมาได้มั้ยคะ”

“ ผมชื่อ ฮีมิสส์ ครับ” พอชายแปลกหน้าบอกชื่อเสร็จเขาก็หายตัวผ่านไปในกำแพงทันที ฉันพยายามเดินตามไปแต่....

“ โอ้ยยยย..” ฉันไม่สามารถเดินผ่านกำแพงนั้นไปได้ แล้วเขาหายเข้าไปในนั้นได้ยังไงกัน ตอนนี้ก็เหลือแต่ฉันกับอาหารเต็มโต๊ะและความงุนงงต่อไปว่าที่นี้มันคือที่ไหนแล้วที่สำคัญคือ …

แล้วฉันจะกลับออกจากที่นี้อย่างไร ใจหนึ่งก็กลัวเพราะไม่รู้ว่าที่นี้มันที่ไหนแต่ใจหนึ่งก็อย่างว่าล่ะนะด้านหน้ามีแต่อาหารโปรดเต็มโต๊ะถ้าเราไม่ชิมมันซักนิดซักหน่อยก็เสียดายแย่เลย ฉันเดินไปนั้งที่เก้าอี้หัวโต๊ะขนาดของมันโตกว่าตัวฉันมากมันทำด้วยทองเหลืองอร่าม ฉันเริ่มที่ช๊อคโกแลตแท่งใหญ่ตรงหน้าก่อน รสชาติของมันหอมหวานมันส์อร่อยมีกลิ่นหอมหวนยวนใจ ในเนื้อช๊อคโกแลตมีผงทองคำเล็กๆผสมอยู่ด้วย รสชาติของมันเป็นช๊อคโกแลตที่ฉันคิดว่าไม่เคยมีใครเคยกินที่ไหนมาก่อนแน่ๆ เพียงพริบตาเดียวฉันก็กินมันจนหมด แต่เป็นเรื่องแปลกที่ฉันกลับไม่รู้สึกอิ่มเลยแม้แต่น้อย ฉันยังสามารถกินอะไรได้อีกหลายอย่าง จากนั้นฉันก็กินต่อไปเรื่อยๆยิ่งกินมากแต่ก็ไม่อิ่ม เหมือนพอกินไปแล้วอาหารที่กินเข้าไปก็หายไป อาหารมันทำให้ฉันแค่รับรู้รสชาติของมันเท่านั้นโดยไม่ทำให้รู้สึกอิ่ม

หมดโต๊ะเลย!!.. ฉันกินเข้าไปได้ยังไงกันเนี้ย ฉันยังกินอะไรได้อีกหลายอย่างเลยนะเนี้ย ถ้าเอามาอีกชุดฉันก็ยังกินไหวอีกนะ ฉันสงสัยมากว่าฉันกินเข้าไปแล้วตอนนี้อาหารที่กินเข้าไปมันหายไปอยู่ที่ไหนหมดนะ แต่เมื่อกินอาหารจนหมดฉันเริ่มเดินสำรวจภายในห้องนี้ทันที ภายในห้องนี้เป็นห้องที่สวยมาก ฉันเดินมาที่หน้ากระจกเก่าบานหนึ่งดูมันสวยงามมาก มันถูกแขวนอยู่บนกำแพงห้อง ฉันเอื้อมมือไปแตะที่กระจกบานนั้น

วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

..........................

มีเสียงดังมากดังออกมา มันดังมากจนฉันทนไม่ไหวฉันหลับตาปี๋ เอามือทั้งสองข้างมาปิดหูไว้แน่น ฉันรู้สึกป่วดหัว กลิ่นหอมในห้องตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรฉันได้เลยแม้แต่น้อย

ฉันกรี๊ดลั่นห้อง แล้วฉันก็สดุ่งตื่นขึ้นมา แต่น่าแปลกที่ว่า .........

ห้องครัว.! ฉันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงกัน? พอฉันตื่นขึ้นร่างของฉันที่ตอนแรกหลับอยู่บนที่นอนนุ่มๆบนห้องนอน แต่กลับมาตื่นอยู่ในห้องครัวได้อย่างไร

“ ไง! รู้สึกดีขึ้นมากเลยใช้มั้ยล่ะครับคุณหนู ” ชายคนนั้นพูดเหมือนในฝันเราเลยนี้ เขาจริงๆหรอเขามีตัวตนจริงๆหรอ ฉันอึ้งมาก พูดและทำอะไรไม่ถูกเลยตอนนี้ ฉันได้แต่นึกเรื่องในความฝันว่านี้มันเรื่องอะไรกันแน่

“อ้าว...เป็นอะไรไปหละครับคุณหนู หิวมากจนมานอนรอผมในห้องครัวเลยหรอนี้ ” ชายคนนั้นพูดกับฉันด้วยสีหน้าขบขัน

“ คุณลุงชื่อ ฮีมิสส์ หรือเปล่าคะ”

“ ใช่ครับ รู้จักลุงด้วยหรอ ลุงเป็นพ่อบ้านที่บ้านหลังนี้ครับ แม่คุณหนูคงเล่าเรื่องลุงให้ฟังแล้วซินะ ถ้าต้องการขนมหรืออยากกินอะไรพิเศษก็บอกได้นะครับคุณหนูอริส ” ฮีมิสส์หรอ ชื่อเดียวกับชายคนนั้นเลย หน้าตาก็เหมือน นี้เราฝันถึงเขาก่อนจะได้เจอเขาจริงๆหรอเนี้ย หัวใจฉันเริ่มเต้นแรงเต้นไม่เป็นจัวหวะแล้วในตอนนี้

“ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ...แล้ว... คุณลุงฮีมิสส์ อยู่ที่นี้มานานแล้วหรือยังคะ ” ฉันอยากรู้ว่าลุงฮีมิสส์มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้แล้วลุงฮีมิสส์รู้จักชื่อฉันได้อย่างไรกัน

“ ลุงฮีมิสส์รู้ชื่อหนูด้วยหรอคะ”

“ ก็ จะไม่รู้ได้ไงล่ะลุงอยู่ที่นี้มานานแล้วนะ คนในครอบครัวนี้ลุงก็ต้องรู้ชื่อทุกคนล่ะครับ ” ลุงฮีมิสส์พูดด้วยสีหน้าตกใจ ทำให้ฉันเองยังรู้สึกข้องใจอยู่ดี???

“ ลุงอยู่ที่นี้มาตั้งแต่สมัยคุณท่านอดัมยังอยู่จนตอนนี้ท่านได้จากไปแล้วแต่ลุงรักและยังมีหน้าที่ที่ต้องทำในบ้านหลังนี้อีกมากเลยลุงขอทำงานต่อที่นี้ครับ คุณหนูคงไม่ว่าอะไรนะครับ ”

“ หนูจะไปว่าอะไรคุณลุงได้ล่ะคะ แต่ว่า....แล้วหน้าที่ที่ต้องทำในบ้านหลังนี้คืออะไรหรือคะ ” ฉันว่าลุงฮีมิสส์ต้องมีความลับอะไรซักอย่างซ้อนอยู่แน่ๆ

“ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก คุณหนูอย่าสนใจเลย คงหิวมากเลยซินะเดี๋ยวลุงเอาขนมมาให้กินลองท้องก่อนดีกว่า รอแป๊บนะครับ ” ลุงฮีมิสส์ไม่ยอมบอกและหันหลังเดินไปเปิดตู้เย็นทันที

“ เอาช๊อคโกแลตไหม” ลุงฮีมิสส์ยิบช๊อคโกแลตแท่งใหญ่ออกมาจากตู้เย็นแล้วยื้นมาให้ฉัน

“ ขอบคุณมากค่ะ .... อุ๊บ! ” !!!! ให้ตายซิ นี้มันรสชาติแบบเดียวกันกับที่ฉันได้กินในความฝันเลย ทั้งรูปทรงที่ใหญ่ รวมถึงกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจ และรสชาติที่หวานมันส์รสชาติแบบนี้ล่ะที่ฉันได้กินในตอนนั้นฉันไม่มีวันลืมรสของมันได้แน่ๆฉันแน่ใจ ฉันจ้องไปที่แท่งช๊อคโกแลตที่ถืออยู่ด้วยความประหลาดใจ ฉันอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ มันต้องใช้แน่ๆดูนี้ซิ เนื้อช๊อคโกแลตมีผงทองเล็กๆ ผสมอยู่ด้วยนี้มันอะไรกันเนี้ย หรือนี้ ฉะ...ฉันกลับมาฝันอีกแล้วหรอ ฉันกัดที่มือตัวเองอย่างแรก

“ อุ๊ยยย...ก็เจ็บนี้หนา นี้เราไม่ได้ฝันไปแต่สิ่งที่เราฝันมันกลับกลายมาเป็นความจริงไปได้ยังไงกันเนี่ย”

“ เป็นอะไรไปล่ะคุณหนู ตกใจในสูตรลับของลุงล่ะสิถ้า นี้เป็นช๊อคโกแลตที่ลุงคิดสูตรขึ้นเองเลยนะคุณท่านอดัมท่านชอบมาก ” ลุงฮีมิสส์ยิ้มด้วยความภูมิใจในฝีมือของตัวเอง ตอนนี้ฉันเริ่มจะสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เรื่องทั้งหมด ทำไมความฝันของฉันนั้นสามารถเกิดขึ้นจริง เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับฉันเป็นครั้งแรกด้วยมันต้องมีอะไรมากกว่าที่ฉันรู้แน่ๆ

“ อ้าว ! เจอกันแล้วเหรอลูกรู้จักลุงฮีมิสส์หรือยังเขาจะมาอยู่กับเราที่นี้ด้วยนะ เขาเป็นพ่อบ้านที่นี้น่ะลูก”

“คะแม่... เรารู้จักกันแล้วค่ะ ” รู้จักกันก่อนที่จะเจอกันซะอีก แม่และพ่อของฉันเดินเข้ามาในห้องครัวเพื่อมาสำรวจความเรียบร้อยภายในตัวบ้าน

“ คุณฮีมิสส์ครับ เดี๋ยวทำอาหารเสร็จแล้วช่วยไปที่สนามหลังบ้านหน่อยนะครับ ผมจะเอารูปปั้นข้างหลังบ้านออก พอดีจัดสวนหน้าบ้านเสร็จแล้วคิดว่าจะย้ายมันไปไว้ในสวนหน้าบ้านน่ะครับ ”

“ รูปปั้นที่อยู่ในสวนดอกกุหลาบหรือเปล่าครับ !!! ” ลุงฮีมิสส์พูดด้วยน้ำเสียงตกใจมาก จนทำให้ฉันพาลตกใจไปด้วย

“ มีอะไรหรือเปล่าครับ ???? ”

“ คะ..คือ รูปปั้นนั้น คุณท่านอดัมไม่อนุญาติให้ใครไปยุ่งกับมันน่ะครับไม่ให้ใครไปเคลื่อนที่หรือทำอะไรกับมันโดยเด็ดขาด สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ ปลูกดอกกุหลาบไว้ในบริเวณนั้นเสมออย่าให้ขาดน่ะครับ” ลุงฮีมิสส์ห้ามไม่ให้พ่อของฉันทำอะไรกับรูปปั้นหินนั้นโดยเด็ดขาด นี้ก็คงเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สำคัญในบ้านหลังนี้ของลุงฮีมิสส์ซินะ แต่รูปปั้นนั้น มันคือรูปปั้นของอะไรกันล่ะถึงมีความสำคัญกับคุณปู่อดัมมากขนาดนั้น

“ แล้วรูปปั้นนั้น...มันคือรูปปั้นอะไรหรอคะ” ฉันถามลุงฮีมิสส์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างออกนอกหน้าบวกกับความสงสัยเล็กน้อย ลุงฮีมิสส์ตอบว่า

“ มันคือ... รูปปั้นของแซร์ร่า ”

ฝันว่างูรัด (แล้วไงเนี่ย)

งูรัด
ฝันว่า งูรัด หรือเลื้อยมาพันร่างกาย ทายว่า ถ้าเป็นคนโสด จะได้พบเนื้อคู่อย่างกระทันหัน ถ้า งูรัด ส่วนของของร่ายกาย เช่น งูรัด คอ รัดบั้นเอว จะได้เนื้อคู่ฐานะดี หรือมียศศักดิ์ ถ้า งูรัด ต่ำลงมาถึงขาทายว่าจะได้เนื้อคู่ศักดิ์ต่ำกว่า ที่แต่งงานแล้ว ถ้าในฝันนั้นได้จับลำตัวของงูด้วย จะได้ลาภเป็นบุตรหรือลาภลอยจากการเสี่ยงโชคใหญ่
เลขเด็ด 55, 66, 556, 559, 568

ฝันว่า รู้เรื่อง UFO

.....รัฐบาลสหรัฐเคยปฏิเสธการมีตัวตนของพื้นที่ 51 พวกเขาพยายามที่จะปิดบังอะไรไว้ หรือว่ามันคือฐานทัพของมนุษย์ต่างดาว ถ้าหากมีคนถามว่า พื้นที่บริเวณใดในสหรัฐ เป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุด เราคงจะได้รับคำตอบว่า มันคือพื้นที่ 51 หรือ Area 51 นั่นก็อาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมาก อ้างว่าได้เห็นวัตถุบินลึกลับหรือ UFO (Unidentified Flying Object) บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้งจนหลายคนสงสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51 น่าจะเป็นฐานทัพหรือกองบัญชาการของวัตถุบินลึกลับ.....เช้าวันทำงาน.....ทุก ๆ เช้าของวันทำงานจะมีคนอย่างน้อย 500 คนผ่านเข้าไปยังประตูทางขึ้นเครื่องบินที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดซึ่งอยู่ทางปีกด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสนามบินแมคคาร์แรน ในลาสเวกัส เจ้าของพื้นที่ที่เป็นเขตหวงห้ามส่วนนี้คือ บริษัทอีจีแอนด์จี (EG&G - Edgerton, Germesausen and Grier) ....ผู้คนเหล่านั้นต้องบอกรหัสผ่าน "เจเน็ท" (Janet) ตามด้วยเลขประจำตัว สาม หลักก่อนที่จะผ่านเข้าไปขึ้นเครื่องโบอิ้ง 747-200s ที่ไม่มีเครื่องหมายใด ๆ ระบุว่าเป็นเครื่อง บินของใคร สายการบินนี้ออกบินทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง โดยมีจุดหมายอยู่ที่ทะเลสาบกรูม (Groom Lake) สถานที่ลึกลับที่หน่วยราชการของสหรัฐปฏิเสธการมีตัวตนของมันเมื่อหลายปีก่อน.....เขตทดลองเครื่องบินลับ.....พื้นที่ 51 หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลสาบกรูม นั้นอยู่ห่างจากลาสเวกัสไปทางตอนเหนือราว 90 ไมล์อันที่จริงแล้ว พื้นที่ 51 เคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารแห่งหนึ่ง ของสหรัฐที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1955 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้ทดสอบเครื่องบินจารกรรม U2 .....นับแต่นั้นมา ก็มีการใช้พื้นที่ 51 เป็นสถานที่ทดสอบ เครื่องบินจารกรรม เช่น เจ้าวิหคทมิฬ (Blackbird SR71) เครื่องบินขับไล่ลองหน F117 Stealth Fighter เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B2 Stealth Bomber อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่ วิจัยโครงการลับออรอร่า (Aurora Project) .....เครื่องบินรบเหล่านี้จะถูกทำการทดสอบสมรรถภาพที่บริเวณทะเลสาบกรูม เมื่อพวกเขาทดสอบเครื่องบินรบจนเป็นที่พอใจแล้วจึง ค่อยประกาศต่อสาธารนชนให้ทราบว่า บัดนี้กองทัพได้สร้างเขี้ยวเล็บอันใหม่ขึ้นมา..... ประวัติพื้นที่ 51 เดือนมีนาคม ปี1955 เคลลี่ จอห์นสัน (Kelly Johnson) ผู้ออกแบบเครื่องบินจารกรรม U2 ได้รับมอบหมายจาก CIA ให้ออกแบบเครื่องบิน U2 นอกจากนี้แล้วเขายังได้รับมอบหมายให้หาสถานที่เพื่อใช้ทดสอบเจ้า U2 นี้ด้วย.....เคลลี่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ โทนี่ เลอวิเอร์ (Tony LeVier) นักบินที่จะทำการทดสอบเครื่อง U2 กับดอร์ซี่ เคมเมเรอร์ (Dorsey Kammerer) ไปสำรวจพื้นที่ล้างกลางทะเลทรายทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาด้า และอริโซน่า 2 สัปดาห์ต่อมาโทนี่กลับมาส่งรายงาน เคลลี่ดูรายงานเปรียบเทียบสถานที่ทั้ง 3 แห่งแล้วก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูมในรัฐเนวาด้า .....ทะเลสาบกรูม มีชื่อเรียกอีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อสร้างฐานทัพขึ้น เคลลี่เรียกมันว่า Paradise Ranch - ทุ่งหญ้าสวรรค์ แต่หลังจากมีการ่ทดสอบเครื่องบิน U2 ในเดือน กรกฏาคม ปี 1955 แล้วมันกลับถูกเรียกสั้น ๆ ว่า เรนช์ (Ranch - ทุ่งหญ้า) ในความเป็นจริงแล้วฐานทัพ(ลับ) แห่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วอร์เตอร์ทาวน์สตรีบ (watertown Strip) ตามชื่อเมืองหนึ่งที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแอลแลน ดูลเลส (Allen Dulles) ผู้อำนวยการ ซีไอเอสมัยนั้น .....ที่มาของชื่อพื้นที่ 51 .....เดือนมิถุนายน ปี 1958 คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู (Atomic Energy Commission - AEC) ได้เข้ามาใช้พื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูมร่วมกับกองทัพสหรัฐ เพื่อทำการทดลองโครงการลับ ๆ บางอย่าง พวกเขาเรียกสถานีทดลองนี้ว่าสถานีทดลองเนวาด้า (Nevada Test Site) คณะกรรมาธิการ ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน ๆ แล้วกำหนดหมายเลขให้แต่ละส่วน บริเวณส่วนที่เป็นฐานทัพนั้นได้หมายเลข 51 ....นับตั้งแต่นั้นมาทุกครั้งที่ฮอลลีวู้ดสร้างภาพยนต์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการลับของสหรัฐ จึงมักจะอ้างถึงทะเลสาบกรูม แต่พวกเขาจะเรียกมันสั้น ๆ ว่า พื้นที่ 51 ตามที่คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูใช้เรียก ถึงแม้ว่าการทดลองลับของ AEC จะเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี 1970 แล้วก็ตาม.... ในปี 1970 กองทัพอากาศสหรัฐได้เข้ามายึดพื้นที่นี้อย่างถาวร เพื่อใช้เป็นสถานที่ทดลองเครื่องบินรบรุ่นใหม่ ๆ ตลอดไปจนถึงการทดลองเครื่องบินมิค21 และอาวุธทันสมัยอื่น ๆ ของรัสเซีย ที่ทางสหรัฐยึดมาได้เมื่อปี 1967.....ปี 1975 พื้นที่ 51 ได้ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในเขตจำลองการรบทางอากาศ ภายใต้รหัส "ธงแดง" (Red Flag) คราวนี้พื้นที่ 51จึงถูกเรียกสั้น ๆ ในชื่อใหม่ว่า "จตุรัสแดง" (Red Square) แต่ชื่อกึ่งเป็นทางการนั้นคือ "แดนในฝัน" (Dreamland) และในช่วงทศวรรษ 1970 ก็ได้มีการทดลองโครงการด้านอวกาศและการทดลองเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดคือ "แทคอินบลู" (Tacit Blue) ..... ขยายอาณาเขต.....ฐานทัพทะเลสาบกรูมถูกขยายอาณาเขตออกไปอีกในช่วงทศวรรษ 1980 มีการสร้างสนามบินเพิ่มเติม อาคารเก็บเครื่องบินถูกสร้างบนลานบินเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บซ่อนจากสายตาของดาวเทียมจารกรรมที่มีอยู่มากมาย อุปกรณ์สื่อสาร เรดาร์และจานดาวเทียมได้รับการติดตั้ง ตึกราม อาคาร โกดังหลายแห่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนทะเลสาบกรูม คาดว่ามันถูกใช้เป็นกองบัญชาการของศูนย์ทดลองเครื่องบินรบของกองทัพที่ถูกเรียกว่า ดีแทชเมนต์3 (Detachment3) .....แม้ว่าจะมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยแต่ก็ยังไม่วายถูกแอบลักลอบถ่ายภาพเนื่องจากพื้นที่รอบ ๆ ทะเลสาบ กรูม เป็นภูเขา ในปี 1984 กองทัพสหรัฐต้องขยายเขตหวงห้ามออกไปอีกโดยหวังว่า จะเป็นการกันไม่ให้มีใครสามารถมองเข้ไปยังในบริเวณฐานทัพได้ แต่ก็ยังมีจุดที่สามารถใข้เป็นที่สอดแนมได้อีก 2 แห่ง ห่างจะทะเลสาบกรูมไปทางตอนใต้ราว 12 ไมล์ คือที่บริเวณไวท์ไซด์ พีก (White Side Peak) กับ ฟรีดอมริด์จ (Freedom Ridge)เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนอาศัยสถานที่ทั้งสองแห่งสอดแนมได้อีก ในปี 1995 กองทัพจึงได้ประกาศให้เขตดังกล่าวเป็นเขตหวงห้ามด้วย.....แต่เขตหวงห้ามนั้นได้แต่เพียงแค่ติดป้ายเตือนเท่านั้นไม่มีการล้อมรั้วแต่อย่างใด เพราะพื้นที่เขตหวงห้ามนั้นกินอาณาเขตกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะล้อมรั้วได้ แต่ก็มีการจัดเวรยามโดยใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยนิรนามที่พกอาวุธสุดจะทันสมัย อีกทั้งยังมีการติดตั้งเครื่องมือตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะมันสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาเป็นมนุษย์หรือสัตว์ หน่วยลาดตะเวนนิรนามนี้เรียกว่า แคมโมดูดส์ (Cammo Dudes) ซึ่งมีหน่วนสนับสนุนทางอากาศที่ใช้เฮลิคอปอเตอร์ Silkorsky MH-60G Pave Hawk คอยให้การสนับสนุนทางอากาศ.....โครงการลับต่าง ๆ ที่ใช้พื้นที่ 51เป็นสถานี้ทดลองนั้นค่อย ๆ ทยอยจบลงเช่น การทดลองเครื่องบินจารกรรมแทคอิทบลูเสร็จสิ้นเมื่อปี 1985 การทดลองเครื่องบินยิงขีปนาวุธ แอดวานซ์ครูซ (Advances Cruise Missile - ACM) ถูกยกเลิกในปี 1992 การทดลองขีปนาวุธสแตนด์ออฟแอทแทค (Stand-Off Attack Missile) ถูกยกเลิกในปี 1994 แต่ถึงกระนั้นกองทัพอากาศสหรัฐก็ยังคงตั้งศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่นั้น.....ความลับในพื้นที่ 51.....เป็นไปได้ว่ากองทัพอากาศยังคงมีภารกิจอื่น ๆ ที่ไม่เป็นที่เปิดเผยในปี 1989 สถานีโทรทัศน์ลาสเวกัสได้ถ่ายทอดการให้สัมภาษณ์ รอเบิร์ท ลาซาร์ (Robert Lazar) ผู้ที่อ้าวว่าเขาเคยทำงานในพื้นที่ 51 .....รอเบิร์ท กล่าวว่า เขาได้รับมอบหมายให้ทำการศึกษาวิศวกรรมยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ในพื้นที่ 51 มียานอวกาศรูปทรงกลมคล้ายจานจำนวน 9 ลำบินขึ้นลงในเขตหวงห้ามบร ิเวณที่ชื่อ S4 หรือที่มีชื่อที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าบริเวณทะเลสาบปาปูส (Papoose Lake) ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบกรูมไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 10 ไมล์.....เรื่องราวของรอเบิร์ทเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก มันทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับที่ผู้คนสงสัยเริ่มปะติดปะต่อขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ยานบินรูปทรงกลมอาจเป็นการทดลองระบบต้านแรงโน้มถ่วงโลกแน่นอน เทคโนโลยี่น่าทึ่งเช่นนี้ต้องถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด.....นอกจากนี้ยังมีการทดลองเครื่องบินจารกรรมที่มีความเร็วกว่าเสียง 5 เท่า โดยใช้พลังขับเคลื่อนชนิดใหม่ เช่น พอล์ส เดโทเนชั่น เวฟเอนจิน (Pulse Detonation Wave Engine) และเครื่องบินความเร็วสูงที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโครเจน การทดลองเครื่องบินที่มีความเร็วกว่าเสียงหลายเท่าหรือที่เรียกว่า ยานไฮมัค(High-Mach Vehicle) โดยสร้างเครื่องบินที่มีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างเครื่องบิน A12 กับ D21 หรือที่เรียกกันว่า ซูเปอร์วอลคารี (Super Valkarie) ซึ่งมีคนจำนวนมากที่เคยไปด้อม ๆ มอง ๆ แถวพื้นที่ 51 เคยเห็นมันถูกทดสอบ.....ยานอวกาศจากต่างดาวจากคำกล่าวอ้างของรอเบิร์ท S4 เป็นสถานที่ใช้สำหรับศึกษา วิจัยวัตถุบินลึกลับภายใต้ชื่อโครงการมูนดัส (Moondust) บรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกอำพรางอยู่ภายใต้พื้นทรายเพื่อหลบเลี่ยงดาวเทียมจารกรรมของรัสเซีย.....รอเบิร์ททำงานในห้องในห้องทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งชื่อ แบร์รี่ คาสติลลิโอ (Barry Castillio) นักวิจัยแต่ละกลุ่มจะถูกแยก ทำงานในส่วนต่าง ๆ พวกเขาถูกจำกัดให้มีเพื่อนร่วมงานเพียงแค่ไม่กี่คน แบร์รี่เป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่ช่วยรอเบิร์ทศึกษา ค้นคว้าเรื่องการขับเคลื่อนของยานอวกาศ.....วันแรกที่รอเบิร์ทเดินทางมาถึง S4 เขาถูกนำตัวไปที่ห้องพยาบาลเพื่อทำการตรวจผิวหนัง เขาถูกทาด้วยสารหลายชนิดตามจุดต่าง ๆ บนแขน วันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็กผิวหนังเขาเกิดพุพองหรือมีอาการแพ้หรือไม่.....ไม่เพียงแค่นั้น เขายังถูกสั่งให้ดื่มสารบางชนิดที่ทำให้ร่างกายของเขามีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น สารนี้จะช่วยป้องกันเขาจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจได้รับจากการสัมผัสวัตถุที่มาจากต่างดาว.....สารที่รอเบิร์ทดื่มนั้นมีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นต้นสนและในคืนนั้นหลังจากที่เขาได้ดื่มสารสร้างภูมิคุ้มกันเข้าไป เขาก็เกิดอาการเป็นตะคริวที่ท้องน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นผลข้างเคียงมาจากสารสร้างภูมินั้น ต่อมารอเบิร์ทถูกแนะนำให้รู้จักกับ เรนนี่ (Rene) ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเรนี่เป็นใครมีหน้าที่อะไรใน S4 เจ้าหน้าที่ ที่ทำงานอยู่ในส่วนของ S4 นั้นมีอยู่แค่เพียง 22 คนเท่านั้น หัวหน้าของรอเบิร์ทชื่อ เดนนิส มาริอานี (Dennis Mariani).....เขารู้จักเดนนิสตอนที่ไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทอีจีแอนด์จี ซึ่งตอนนั้นยังมีสำนักงานอยู่ที่สนามบินแมคคาร์เรน ในลาสเวกัส แต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่ฐานทัพอากาศเนลลิส (Nellis Air Force Base) .....ศึกษาข้อมูลในวันแรก ๆ มีเจ้าหน้าที่พารอเบิร์ทไปที่ห้องเล็ก ๆ ที่มีเพียงโต๊ะ และเก้าอี้กับแฟ้มเอกสารกว่า 100 แฟ้ม ข้อคยวามในแฟ้มล้วนเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวและเทคโนโลยี่มนุษย์ต่างดาว เขาใช้เวลาวันละครึ่งชั่วโมงในการศึกษาข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้น.....ข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นบทสรุปให้กับเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่มาทำงานใน S4 ว่างานที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ทำนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างพิภพ รอเบิร์ทได้เห็นการทดสอบบ ินของยานบินรูปทรงประหลาดและยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นรายงานเขียนว่า มีการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานกว่าหมื่นล้านปีแล้ว!!!!.....โครงการที่รอเบิร์ททำอยู่นั้นเป็นส่วนย่อยของโครงการใหญ่ เขารับผิดชอบเรื่องการค้นคว้าการขับเคลื่อนของยานอวกาศต่างดาวและบทบาทของแรงโน้มถ่วงเพื่อใช้เป็น สื่อในการขับเคลื่อนภายใต้ชื่อโครงการ กาลิเลโอ (Project Galileo) .....โดยปรกติแล้วเจ้าหน้าที่แต่ละส่วนจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีการติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ส่วนอื่น ๆ แต่ในกรณีของรอเบิร์ทนั้นเขาต้องอาศัยความรู้ในแขนงอื่นด้วยจึงทำให้เขาได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ทำการทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่น.....หลากหลายโครงการโครงการไซด์คิก (Project Sidekick) เป็นหนึ่งในสองโครงการที่รอเบิร์ทได้รับอนุญาตให้รู้ข้อมูลได้บางส่วน มันเป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องอาวุธแสง (Beam Weapon) ที่จะถูกติดตั้งบนเครื่องบินรบ อาวุธลำแสงนี้ต้องอาศัยความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงและการรวมแสงให้เป็นลำ อาวุธชนิดนี้มีอำนาจการทำลายล้างที่สูงมาก.....โครงการลุกกิ้งกลาส (Project Looking Glass) เป็นการศึกษาเรื่องกำกายภาพของการมองเห็นและผลกระทบต่อเวลาและอวกาศในการสร้างแรงโน้มถ่วงจำลอง และเช่นกันว่าโครงการนี้ต้องอาศัยความรู้ทางด้านแรงโน้มถ่วงและการควบคุมมัน.....การทดลองในโครงการกาลิเลโอ ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ รอเบิร์ทได้เห็นรายงานและหลักฐานต่าง ๆ ที่พิสูจน์ถึงความถูกต้องของมัน ซึ่งทำให้เชื่อว่าโครงการอื่น ๆ ที่ทำใน S4 นั้นก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน แต่รอเบิร์ทก็ปฏิเสธที่จะถือเอากรรมสิทธิ์เหนือความสำเร็จนั้น เขากล่าวว่ารายงานการวิจัยที่เขาทำขึ้นเป็นแค่ตัวอักษรและรูปภาพบนแผ่นกระดาาเท่านั้น.....ไม่ว่าการทดลองที่พื้นที่ 51 จะเป็นอะไรก็ตาม ก็ยังมีผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นเป็นจำนวนมาก ได้พยายามสอดแนมเข้าไปใกล้ เพื่อบันทึกภาพ ซึ่งภาพส่วนใหญ่ก็ใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่ามีการทดลองเครื่องบินหรือวัตถุบินได้บางชนิดที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน....///เรื่องจากหนังสือ "ร้ายสาระ "

ฝันอยากเล่นเกมส์ฟรี

เกม 3dsexv มาแจกขำๆ
เกมส์เลี้ยงปลาตู้ เราต้องคอยหมั่นทำความสะอาด ให้อาหารจนโต
แล้วก็ขายจนทำยอดให้ได้ตามที่กำหนดก็จะผ่านด่านครับ

Mario Forever

เพลงฝัน

นกน้อยสีสวยขับขานประสานเสียงกันอยู่บนยอดไม้ แสงแดดสาดผ่านช่องว่างของใบไม้ดูเป็นลายแปลกตาบนโขดหิน ลมพัดมาเป็นระยะพาเอาความชุ่มฉ่ำของไอป่าคละคลุ้งทั่วบริเวณ สายน้ำไหลรินมาพร้อมกับเสียงอันแสนสดชื่น กรวดหลายสีใต้ท้องน้ำสะท้อนแสงพราวระยับ มือน้อยอันเรียวงามกวักกวาดไปบนผิวน้ำ ดวงตาคู่นั้นเหม่อลอยตามระลอกคลื่นที่ค่อยๆจางหายไป ริมฝีปากและแก้มอันเปล่งปลั่งยิ้มประสานกัน เสียงกรอบแกรบของกิ่งไม่เล็กๆพาสาวน้อยหลุดจากภวังค์ เขา...ผู้ซึ่งพึ่งมาถึงได้หอบร่างอันเหนื่อยอ่อนทรุดตัวลงบบนลานหินห่างไปแค่ช่วงมือเอื้อม ชายหนุ่มมองออกไปตามสายธารที่ไหลไป หลังจากสูดลมเฮือกใหญ่เขาก็ปลดปล่อยมันออกมาด้วยการทอดถอนใจ เขาหลับตาลงก้มหน้าอยู่ชั่วอึดใจ และแล้วใบหน้าที่ก้มอยู่นั่นก็เงยขึ้น นัยย์ตามองตรงไปข้างหน้าด้วยความมาดมั่น เขากวาดสายตาไปทางเธอ สายตาทั้งสองสบประสามกัน เหมือนกับว่าจะมีคำพูดสักพันประโยคได้สื่อผ่านสายตาทั้งสองคู่ไป... ชายหนุ่มลุดขึ้นยื่นมือขวาไปสู่เธอ สาวน้อยขมวดคิ้วด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ... หนุ่มน้อยยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ไปสู่ความฝันด้วยกันไหม" คิ้วที่ขมวดค่อยๆคลายลง รอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง มือน้อมได้เคลื่อนมาวางบนมืออันเข้มแข็งที่รออยู่ มือขวาได้พยุงพาร่างเธอลุกขึ้น สายตามั้งสองยังสบกันอยู่ด้วยความอิ่มเอิบ... เสียงดนตรีอันไพเราะดังขึ้นพาร่างทั่งสองเคลื่อนไหวไปไปตามจังหวะรับกลีบกุหลาบที่ล่องลอยมาตามสายลม...

เครดิต คุณนามปากกา ไม้

คุณเชื่อว่าความฝันที่คุณฝันอยู่นั้นมีสิทธิจะเกิดขึ้นจริงๆหรือไม่



credits: GMM Grammy

เพลง ฝันดี โดม โนโลโก้
ในความคิดคนมากมายกับฝันดี
ทำให้มีความสุข และทุกเวลาที่ตื่นจะสดใส
ที่จริงฉันควรจะเป็นเหมือนใคร
ในทุกคืนที่หลับที่ฝันดีตื่นมาก็ควรสุขใจ

เป็นเพราะในเวลาที่คบเธอ
ไม่เผื่อใจว่าการแยกทางมันจะเกิดกับเรา

ยิ่งฝันดีเท่าไรยิ่งคิดไปว่าเธอ
ยังเหมือนเดิมอยู่ไม่จากไป
ตื่นเช้ามาเมื่อไรก็ปวดร้าว
ก็รับความจริงไม่ได้ว่าฉันนั้นตัวคนเดียว
ว่าไม่มีเธอคนเดิมอีกแล้ว

จะทำหัวใจยังไงให้แข็งแรง
ในเมื่อยังต้องหลับต้องพบเธอกับคนที่ควรตัดใจ

ยิ่งฝันดีเท่าไรยิ่งคิดไปว่าเธอ
ยังเหมือนเดิมอยู่ไม่จากไป
ตื่นเช้ามาเมื่อไรก็ปวดร้าว
ก็รับความจริงไม่ได้ว่าฉันนั้นตัวคนเดียว
ว่าไม่มีเธอคนเดิมอีกแล้ว

ยิ่งฝันดีเท่าไรยิ่งคิดไปว่าเธอ
ยังเหมือนเดิมอยู่ไม่จากไป
ตื่นเช้ามาเมื่อไรก็ปวดร้าว
ก็รับความจริงไม่ได้ว่าฉันนั้นตัวคนเดียว
ว่าไม่มีเธอคนเดิมอีกแล้ว

ยิ่งฝันดีเท่าไรยิ่งคิดไปว่าเธอ
ยังเหมือนเดิมอยู่ไม่จากไป
ตื่นเช้ามาเมื่อไรก็ปวดร้าว
ก็รับความจริงไม่ได้ว่าฉันนั้นตัวคนเดียว
ว่าไม่มีเธอคนเดิมอีกแล้ว